ธปท.คาดโควิดรอบ 2ทำ 4.7ล้านคนเสี่ยงตกงาน-แม้ผลต่อกิจกรรมเศรษฐกิจไม่รุนแรกเท่ารอบแรก กลุ่มเปราะบางยังมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องช่วยเหลือพร้อมประเมินผลกระทบจีดีพี 3กรณี
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ระลอกใหม่ในไทย ที่แม้จะกระจายเป็นวงกว้างและเร็วกว่าการระบาดระลอกแรก แต่พบว่าความรุนแรงของโรคน้อยกว่า ขณะที่ความพร้อมด้านสาธารณสุขมีมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาการของวัคซีนและแผนการได้รับวัคซีนของไทยเริ่มมีความชัดเจน ทำให้ ธปท. คาดการณ์ผลกระทบจากของการระบาดของโควิด 19 ระลอกใหม่ต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะไม่รุนแรงเท่าการระบาดระลอกแรก สะท้อนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงน้อยกว่า นอกจากนี้ภาครัฐมีมาตรควบคุมการแพร่ระบาดในครั้งนี้เข้มงวดน้อยกว่า และภาคการส่งออกสินค้าที่ยังขยายตัวได้ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวในระยะต่อไปจะต่างกัน ทั้งในเชิงพื้นที่ กลุ่มธุรกิจ และกลุ่มแรงงาน โดยพื้นที่ที่อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมเข้มงวด 28 จังหวัด ซึ่งครอบคลุมสัดส่วนกิจกรรมทางเศรษฐกิจสูงเกินครึ่งของประเทศจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ด้านกลุ่มธุรกิจจะมีกลุ่มที่เปราะบางเพิ่มเติมจากรายได้ที่ลดลงในช่วงนี้ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจภาคบริการ นอกจากนี้ บางกลุ่มที่มีฐานะการเงินอ่อนแออยู่ก่อนแล้ว เช่น ธุรกิจในภาคการท่องเที่ยว จะได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่นี้เพิ่มเติม
ส่วนผลกระทบด้านแรงงาน คาดว่ากลุ่มแรงงานในพื้นที่สีแดงที่มีมาตรการการควบคุมเข้มงวด มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบประมาณ 4.7 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างรายวันและผู้มีอาชีพอิสระ ที่จะมีชั่วโมงการทำงานลดลงและมีรายได้ลดลงมากในระยะข้างหน้า
“การระบาดโควิดรอบนี้ เรามีประสบการณ์จึงวัดผลกระทบจากครั้งแรก สะท้อนให้เห็นแสงสว่างปลายอุโมองเรื่องวัคซีน และด้านสาธารณสุขที่มีความพร้อม แต่พัฒนาการของเศรษฐกิจระยะต่อไป ยังขึ้นอยู่กับอีกหลายตัวแปรเพื่อให้ครบทุกองค์ประกอบสำหรับประเมินผล แต่แบ่งเบื้องต้นจากข้อมูลที่ได้รับเร็วผลกระทบต่อเศรษฐกิจตามความเข้มงวดของมาตรการควบคุม 3 ส่วนคือ หนึ่งกรณีใช้มาตรการปานกลางและควบคุมการระบาดและผลกระทบได้อาจส่งผลต่อจีดีพี 1-1.5% สองกรณีใช้มาตรการปานกลางไม่ได้ผลจนต้องใช้มาตรการเข้มงวดจะส่งผลต่อจีดีพี 2-2.5% และสามกรณีใช้มาตรการเข้มทั่วประเทศและคุมการระบาดได้รวดเร็ว จะส่งผลต่อจีดีพี 3-4%”
ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน โดยมีปัจจัยมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 การกระจายวัคซีนในไทยและแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงมาตรการภาครัฐที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจ อีกทั้งในปัจจุบัน หลายภาคธุรกิจและครัวเรือนมีฐานะการเงินที่เปราะบางมากขึ้นจากการระบาดระลอกแรก ทำให้ความสามารถในการรองรับแรงกระแทกทางเศรษฐกิจน้อยลง ดังนั้น การช่วยเหลือภาคธุรกิจและแรงงานอย่างทันการณ์เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน และต้องเน้นการเข้าถึงกลุ่มเปราะบางให้ทั่วถึงและตรงจุดมากที่สุด ซึ่งภาครัฐได้ทยอยออกมาตรการช่วยเหลือ รวมถึง ธปท. ที่ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
อ่านฉบับเต็ม...ผลกระทบของโควิด 19ระลอกใหม่ต่อเศรษฐกิจไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ธปท.ต่อมาตรการ เยียวยารอบใหม่สกัดเอ็นพีแอล