นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ศึกษาแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว เพื่อรองรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยให้ดูแนวทางจากนานาประเทศและมาปรับให้สอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย
ขณะที่วินัยการเงินการคลัง ตัวเลขหนี้สาธารณะที่กำหนดเพดานไว้ไม่เกิน 60% ต่อ จีดีพี นั้น เป็นตัวเลขที่กำหนดขึ้นในช่วงภาวะปกติ จึงได้ให้ สศค. ไปดูเรื่องข้อจำกัดในเรื่องวินัยการเงินการคลังว่า สามารถผ่อนปรนได้หรือไม่ หากจำเป็นต้องมีการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่สามารถกลับมาใช้กรอบวินับการเงินการคลังเดิมได้
“ในปีงบประมาณ 2564 มั่นใจว่า ระดับหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ซึ่งเป็นหนึ่งในกรอบความยั่งยืนทางการคลังของรัฐบาล จะไม่เกิน 60 % ของจีดีพี ตามที่ได้กำหนดไว้แน่นอน แต่อาจขึ้นไปแตะที่ระดับ 58-59% จากก่อนหน้านี้ที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ระบุว่า ระดับหนี้สาธารณะหลังกู้เงินตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) 1 ล้านล้านบาทเต็มจำนวนแล้ว ระดับหนี้สาธารณะของรัฐบาลจะขึ้นไปอยู่ระดับ 57% ของจีดีพี”นายกฤษฏากล่าว
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า ส่วนการที่มีวัคซีนโควิด-19 เข้ามาในประไทยคาดว่าจะมีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่รัฐบาลควรจะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องอย่าให้หยุดชะงักเพราะปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นแล้วจากการที่รัฐบาลผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: