รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มปตท. ทั้ง 7 บริษัท ปรับเพิ่มขึ้นทุกบริษัท โดย ณ เวลา 15.50 น. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) อยู่ที่ 40.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.88%, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) อยู่ที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 3.16%, บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) อยู่ที่ 116.50!บาทเพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 2.64%, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) อยู่ที่ 62.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 2.46%, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) อยู่ที่ 3.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือ1.74%, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ 30.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.84% และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) อยู่ที่ 75.00 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า น้ำมันดิบเป็นสินทรัพย์ที่ Outperform ตลอดทั้งสัปดาห์คือ ราคาน้ำมันดิบโลกเมื่อวานนี้พุ่งขึ้นแรง Brent เพิ่ม 4.7% แตะ 67 ดอลลาร์สหรัฐ มีปัจจัยหนุนจากฝั่งSupply เป็นหลัก คือ ผลสรุปการประชุม OPEC ล่าสุด ประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังไม่รีบเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือน เมษายน 2564 โดยจะยังปรับลดกำลังการผลิต 8.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลักๆ มาจากซาอุดิอาระเบียยังคงเสนอลดการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ออีก 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นแรงและยืนเหนือ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่าสมมติฐานที่คาดทั้งปี 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ประเมินเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นพลังงานPTTEP และ PTT โดยประเมิน sensitivity analysis ผลกระทบต่อการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบระยะยาวทุกๆ 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล พบว่ากระทบ FV ของ PTT ประมาณ 2-3 บาทต่อหุ้น และ PTTEP ประมาณ 10-12 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาหุ้นยังคง Laggard ราคาน้ำมันดิบค่อนข้างมากสังเกตได้จาก PTT ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบันยัง -3.5% ส่วน PTTEP +15% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นมา 28.8%