นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ สนใจและอยู่ระหว่างศึกษาเกี่ยวกับพืชเศรษฐกิจ กัญชง หรือ กัญชา เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและสร้างจุดแข็งให้กลุ่มบริษัทฯ และสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันทางธุรกิจ จากข้อได้เปรียบด้วยพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ ที่พร้อมสำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีไว้สำหรับการเพาะปลูกรวมถึงนวัตกรรมในระบบการเกษตร โดยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีต้นทุนต่ำ สำหรับใช้ในระบบควบคุมแสงและอุณหภูมิในโรงเรือนปิด
ทำให้ต้นทุนในการผลิตต่ำ รวมถึงวางแผนลงทุนทำโรงสกัด CBD บริสุทธิ์ 99% ที่มีกำลังผลิต 1 ตัน ต่อวันอีกด้วย โดยวางแผนจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศต่อไป การทำงานร่วมกันในการดำเนินงานจากการจัดหาพลังงานหมุนเวียนของบริษัทสำหรับการทำสวนในโรงเรือนพร้อมที่จะเติมเชื้อเพลิง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องพร้อมให้บริการ
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า รับเหมาก่อสร้าง โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทั้งโซลาร์และพลังงานลมทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจงานรับเหมาและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) ยังมีงานประมูลใหม่ๆ เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ จากปัจจุบันมีงาน EPC ในมือ (Backlog) ประมาณ 8.5 พันล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้างาน EPC ในมือไว้ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้ตั้งเป้ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20 % ซึ่งเป็นการเติบโตในธุรกิจทุกด้าน ทั้งในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง และธุรกิจ EPC โดยปีนี้ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 เมกะวัตต์ ส่งผลทำให้ปี 2566 กำลังการผลิตจะเป็นไปตามเป้าหมาย 1,000 เมกะวัตต์ ภายใต้งบลงทุน (3 ปี) 2564-2566 ที่ 2 หมื่นล้านบาท หรือประมาณปีละ 7 พันล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ GUNKUL จึงได้ ปรับองค์กรครั้งใหญ่ โดยแต่งตั้งทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อดูแลบริหารงานเชิงกลยุทธ์และด้านปฏิบัติการของธุรกิจต่างๆ เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจแต่ละด้าน แบ่งเป็น 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงานทั้งในและต่างประเทศ ,ธุรกิจพาณิชย์ ธุรกิจรีเทล ธุรกิจแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ดิจิทัลโซลูชั่นส์ และธุรกิจการบริหารจัดการด้านพลังงาน สําหรับ Smart Community และ Smart City
,ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระบบสายส่ง สถานีไฟฟ้าแรงสูง ก่อสร้างสถานีไฟฟ้า และ ระบบไฟฟ้าใต้ดิน ระบบไฟฟ้าเหนือดิน และธุรกิจด้านผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า แรงดันกลาง และแรงดันสูง เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้ใช้ไฟและการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
“ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทฯ มีการวางพื้นฐานธุรกิจแต่ละภาคส่วนได้เป็นอย่างดี และมีความชัดเจน ขณะเดียวกันก็มองถึงธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างฐานรายได้ และกำไรให้เติบโตอย่างมีศักยภาพในระยะยาว จึงทำให้เกิดการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยผนึกกำลังกันในแต่ละภาคธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน อันจะนำมาซึ่งการเติบโตอย่างยั่นยื่นของกลุ่มบริษัทฯ”
สำหรับภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ทุกภาคส่วนขยายตัวและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องทุกปี เห็นได้จากฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีสินทรัพย์รวม จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3.9 หมื่นล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 3.42 พันล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน 2.22 พันล้านบาท ขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 1.09 หมื่นล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 7.19 พันล้านบาท และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.39 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 0.24 บาทต่อหุ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :