นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการจัดตั้งกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล แคนนาบิส (MFC Global Cannabis Fund) หรือ ‘MCANN’ ซึ่งถือเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชากองแรกของประเทศไทย โดยเตรียมเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 19 – 27 เมษายน 2564
สำหรับ MCANN มีจุดเด่นคือเป็นกองทุนที่สร้างโอกาสการลงทุนในหุ้นธุรกิจกัญชา (Marijuana) และกัญชง (Hemp) ที่ถูกกฎหมาย ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ ทั้งด้านพัฒนายา (Pharmaceutical) และเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) โดยประเทศที่ใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมายมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น ตลาด Cannabis ทั่วโลกจะโต 17.1% ต่อปีต่อเนื่องจนถึงปี 2025 และมีมูลค่ากว่า 5.5 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งตลาดกัญชามีแนวโน้มจะเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้อีกมาก เนื่องจากการอนุญาตให้กัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งล่าสุดมีจำนวนประเทศที่อนุญาตแล้วถึง 37 ประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ MCANN เน้นการเติบโตและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงในระยะยาว โดยจะลงทุนใน Global X Cannabis ETF(POTX) ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทางกัญชาและกัญชง โดยเน้นทางการแพทย์ ที่มีโอกาสเติบโตสูง เพื่อโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดี บริหารแบบ Passive management เพื่อให้ผลตอบแทนเป็นไปตามดัชนีอ้างอิง
และ MCANN เพิ่มผลตอบแทนให้กับกองทุนโดยลงทุนใน Active ETF และ/หรือ หุ้น Cannabis โดยลงทุนใน Amplify Seymour Cannabis ETF (CNBS) กองทุน Cannabis ETF ที่บริหารแบบ Active management โดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนมากกว่า 20 ปี เป็นผู้ลงทุนใน cannabis ในระยะเริ่มแรก และเป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรม
กองทุน MCANN มีนโยบายการลงทุน ในตราสารทุน หน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศ ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศทั่วโลกของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทางกัญชาหรือกัญชงที่ถูกกฎหมาย ซึ่งรวมถึงบริษัทที่สร้างรายได้หรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการศึกษาวิจัย การพัฒนา การเพาะปลูก การผลิต ไปจนถึงการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็นที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ทางด้านกัญชาหรือกัญชง มีรูปลักษณ์และคุณสมบัติที่หลากหลายแตกต่างกันตามการใช้ประโยชน์ เช่น
การผลิตเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ได้แก่ การผลิตเป็นยา อาหาร สมุนไพร หรือเครื่องสำอาง หรือการผลิตเพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ ยานยนต์ หรือ กระดาษ เป็นต้น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management)
นายธนโชติ กล่าวอีกว่า MCANN จะเปิด IPO โดยที่ผู้สนใจลงทุนสั่งซื้อหน่วยลงทุนในแต่ละครั้งได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ซึ่งกองทุนไม่กำหนดอายุโครงการ มีจำนวนเงินลงทุนโครงการ 3 พันล้านบาท และไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เหมาะสำหรับเงินลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เพื่อแสวงหาโอกาสการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ ในต่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ และรับความเสี่ยงของการลงทุนในต่างประเทศได้ รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการลงทุนในต่างประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :