TKN ไตรมาสแรก ปี 64 กำไรสุทธิ 55.9 ล้านบาท

12 พ.ค. 2564 | 04:52 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ค. 2564 | 11:54 น.

TKN ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า มีรายได้จากการขาย 919.9 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ 55.9 ล้านบาท หลังควบคุมต้นทุนการผลิตและจัดจำหน่ายได้ดี

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด(มหาชน) (TKN) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 แม้ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายได้จากการขายรวม 919.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากไตรมาสก่อนหน้า มีปัจจัยจากตลาดในประเทศที่มีรายได้ 388.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.7% จากไตรมาสก่อนหน้า แม้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เข้ามากดดัน 

อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถสร้างการเติบโตจากการขยายตลาดของสินค้าใหม่ ได้แก่ นมพลาสเจอร์ไรส์รสชานม “จัสท์ ดริ้งค์” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และสามารถกระจายสินค้ามากขึ้นในช่องทางร้านสะดวกซื้อเป็น 12,000 สาขา ณ ปลายเดือนมีนาคม 2564 จากเดิมที่มี 6,000 สาขา ณ ปลายปี2563 สามารถชดเชยยอดขายจากตลาดต่างประเทศบางส่วนที่ชะลอตัว สำหรับตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดต่างประเทศหลัก มียอดขายลดลงและได้รับผลกระทบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งนี้ ได้เตรียมปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อเจาะตลาดจีนให้ดียิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทมีกำไรสุทธิ 55.9 ล้านบาท ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีผลขาดทุนสุทธิ 20.9 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการบริหารจัดการต้นทุนทั้งด้านการผลิตและการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลทำให้มีต้นทุนการจัดจำหน่ายในไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 97.9 ล้านบาท ลดลง 14.3% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า โดยบริษัทยังคงปรับการใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายขายและการตลาดให้สัมพันธ์กับยอดขายและเป็นไปตามสถานการณ์ และมุ่งเน้นจัดกิจกรรมที่สร้างผลลัพธ์โดยตรงกับการขายในช่องทางที่มีศักยภาพการเติบโต

สำหรับแนวโน้มภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าฟื้นตัวดีขึ้น โดยเตรียมแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ (NPD) เพื่อเพิ่มยอดขายนอกจากกลุ่มสาหร่าย (Non-Seaweed) คาดว่าจะมีการออกผลิตภัณฑ์นมพลาสเจอร์ไรส์ "จัสท์ ดริ้งค์" รสชาติใหม่ในเร็วๆ นี้ พร้อมทั้งอยู่ระหว่างร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาผลิตภัณฑ์ Plant-Based และศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชง ส่วนตลาดต่างประเทศคาดว่าจะเห็นการสั่งสินค้าจากเอเย่นต์เพิ่มขึ้นและปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ลดลงในครึ่งปีหลัง

“เรามุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุน ราคาวัตถุดิบ (สาหร่าย) ต้นทุนการผลิตระยะยาว เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น พร้อมทั้งรักษากระแสเงินสดเพื่อปันผลให้ผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง และเพียงพอสำหรับแผนขยายการลงทุนในอนาคต”