ดาวโจนส์ปิดร่วง 681 จุด วิตกเงินเฟ้อพุ่งอาจกดดันเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

12 พ.ค. 2564 | 23:44 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ค. 2564 | 06:53 น.

 ดาวโจนส์ปิดร่วง 681.50 จุด นักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้ออาจกดดันให้เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ดิ่งลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้ออาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,587.66 จุด ลดลง 681.50 จุด หรือ -1.99% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,063.04 จุด ลดลง 89.06 จุด หรือ -2.14% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,031.68 จุด ลดลง 357.75 จุด หรือ -2.67%

ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.2% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.3%

นักลงทุนกังวลว่า ตัวเลข CPI ที่พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ จะทำให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง 3.28% และดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง 2.86%

ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตาทิศทางของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นับตั้งแต่นางเคธี วูด ซีอีโอของ Ark Investment Management  ได้ให้ความสนใจลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก เพราะเชื่อมั่นว่าธุรกิจเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์จากกระแส Digital Disruption ซึ่งบ่งชี้ว่าระบบดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากตั้งแต่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) และบริษัทวิจัยด้านจีโนมิกส์

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.