นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (STGT) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 10,051.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น2,245% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการทำกำไรสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนรายได้รวมอยู่ที่15,433.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากความต้องการใช้ถุงมือยางจากทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาขายเฉลี่ยถุงมือยางที่เพิ่มขึ้นเป็น 2.30 บาทต่อชิ้น สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และเร่งส่งมอบสินค้าตามแผนงานที่วางไว้ รวมถึงที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,286 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 เดือนพฤษภาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 มิถุนายน 2564
"คาดการณ์แนวโน้มความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกในปีนี้ ยังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าปัจจุบันมีการทยอยฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ อย่างไรก็ตามมีหลายประเทศที่ยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 - 3 - 4 และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ส่งผลให้ถุงมือยางยังคงเป็นสินค้าที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมต่างๆ และกลายเป็นสิ่งจำเป็นในยุค New Normal เพื่อป้องกันความเสี่ยงส่วนซัพพลายทั่วโลกในปัจจุบันยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยประเมินแนวโน้มดีมานด์ถุงมือยางจากทั่วโลกในปีนี้จะอยู่ที่ 4.2 แสนล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา"
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถทำผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตได้ดี จากแผนงานขยายกำลังการผลิต โดยจะได้รับผลดีจากการกลับมาเดินเครื่องจักรโรงงาน SR2 เต็มกำลังการผลิต และการเดินเครื่องจักรโรงงานใหม่ SR3 ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีในช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 รวมถึงแผนงานเดินเครื่องจักรโรงงานใหม่ในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา 1 แห่ง ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ และในจังหวัดตรังอีก 1 แห่งในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้