ธปท.อนุมัติสินเชื่อฟื้นฟู กว่า 4หมื่นล้านบาท ประคอง “ธุรกิจรายใหญ่-เอสเอ็มอี-ไมโคร” กว่า 13,435ราย วงเงินเฉลี่ย 3ล้านบาท/ราย นำโดยกลุ่มพาณิชย์ กว่า 2หมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมการผลิต 10,339ล้านบาท บริการ 3,648ล้านบาท ก่อสร้าง 3,314ล้านบาทและสาธารณูปโภค 1,413ล้านบาท
ภายหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดให้สถาบันการเงินยื่นคำขอสินเชื่อฟื้นฟู และพักทรัพย์พักหนี้ เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 ตามที่ พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 (พ.ร.ก.ฟื้นฟู) วงเงินรวม 3.5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าในส่วนของสินเชื่อฟื้นฟู ตั้งแต่วันที่ 26เมษายน -14มิถุนายน 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานความคืบหน้ายอดอนุมัติสินเชื่อฟื้นฟูแล้ว จำนวน 40,764ล้านบาท จำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือ 13,435ราย วงเงินอนุมัติเฉลี่ย 3ล้านบาทต่อราย แบ่งตามวงเงินสินเชื่อเดิม คือ เอสเอ็มอีได้รับอนุมัติสินเชื่อ 18,511ล้านบาทคิดเป็น 45.4% จำนวนลูกหนี้ที่ได้รับวงเงิน 5,499ราย 40.9% ส่วนธุรกิจรายใหญ่ได้รับอนุมัติเงิน 17,814ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43% ลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ891รายประมาณ 7.3% และไมโครได้รับอนุมัติ3,785ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.3%จำนวนลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 6,717รายมีสัดส่วน 50%
หากแบ่งตามประเภทของธุรกิจพบว่า ธุรกิจพาณิชย์ได้รับอนุมัติสินเชื่อสัดส่วน 49.2%จำนวนเงิน 20,036ล้านบาท ลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 7,179รายคิดเป็นสัดส่วน 53.4% รองลงมาเป็น อุตสาหกรรมการผลิตได้รับอนุมัติสินเชื่อคิดเป็นสัดส่วน 25.4%วงเงิน 10,339ล้านบาท ลูกหนี้ที่ได้รับสินเชื่อ 2,002รายคิดเป็นสัดส่วน 14.9% ถัดมาเป็นภาคบริการมีสัดส่วน 8.9%โดยวงเงินที่ได้รับอนุมัติจำนวน 3,648 มีลูกหนี้ได้รับอนุมัติ2,016รายคิดเป็นสัดส่วน 15% ตามด้วยภาคก่อสร้าง ได้รับอนุมัติสินเชื่อ 3,314 ล้านบาทสัดส่วน 3.5% มีลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือ 1,218รายคิดเป็นสัดส่วน 9.1%และการสาธารณูปโภคได้รับอนุมัติสินเชื่อ 1,413ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 3.5%มีลูกหนี้ที่ได้รับสินเชื่อ 479รายสัดส่วน 3.6%
ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูจะครอบคลุมถึงลูกหนี้รายใหม่ ได้แก่ ไมโครเอสเอ็มอี วงเงินสินเชื่อเดิมไม่เกิน 5ล้านบาท, ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีวงเงินสินเชื่อเดิม 5-50ล้านบาท และสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ วงเงินสินเชื่อเดิม 50-500ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: