นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)เปิดเผยว่า คปภ.ไม่เห็นด้วยกับการที่บริษัท สินมันคงประกันภัย จำกัด(มหาชน) ที่บอกเลิกประกันโควิดครั้งนี้ เพราะในสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน ระบบประกันควรเข้ามาช่วยดูแลประชาชน
“ที่ผ่านมาทาง สินมั่นคงประกันภัย ไม่เคยแจ้งให้คปภ.รับทราบมาก่อนว่า จะมีการบอกเลิก ดังนั้น คปภ.จึงจะเร่งหารือกับตัวแทนสินมั่นคงประกันภัย เพื่อขอให้ยกเลิกการออกประกาศบอกเลิกการประกันภัยโควิดโดยด่วน เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนเหมือนเดิม”นายสุทธิพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากสินมั่นคงประกันภัย ยังไม่ยอมทำตาม คปภ.ก็พร้อมยกระดับ ใช้แนวทางทางกฎหมายบังคับห้ามบอกเลิกประกันโควิด เพื่อให้คุ้มครองแก่ประชาชนต่อไป ซึ่งเป็นอำนาจของ คปภ. ในฐานะนายทะเบียน
ทั้งนี้ การทำประกันภัยโควิดออกมา มีเป้าหมาย เพื่อต้องการช่วยให้ประชาชนนำระบบประกันภัยมาช่วยรับมือความเสี่ยง และที่ผ่านมาคปภ.ได้ย้ำมาตลอดให้บริษัทประกันทุกแห่งประเมินความสามารถในการรับทำประกันภัยของตัวเอง ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก่อนที่จะรับประกัน
ดังนั้นเมื่อรับประกันมาแล้ว ก็ต้องดูแลผู้เอาประกันภัยให้ได้ตามเงื่อนไข ไม่ควรบอกเลิกแบบนี้ ดังนั้นขอให้ประชาชนยังเพิ่งกังวลหรือตื่นกลัว เพราะตอนนี้การบอกเลิกก็ยังไม่มีผลทันทีจะมีผลหลัง 30 วันนับจากประกาศ แต่ระหว่างนี้ คปภ.ก็พร้อมเข้าไปดูแลคุ้มครองผู้เอาประกัน และห้ามไม่ให้มีการยกเลิก
อย่างไรก็ตาม จากการหารือกับบริษัทประกันวินาศภัยอื่นๆ ที่เปิดจำหน่ายประกันภัยโควิด ยังไม่พบมีการบอกเลิกการทำประกันภัยโควิดแบบสินมั่นคง โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะทำ และพร้อมจะคุ้มครองตามเงื่อนไขทีกำหนดไว้ ที่สำคัญการบอกเลิกประกันภัยของสินมั่นคงประกันภัย เป็นการตัดสินใจและนโยบายเฉพาะภายในของบริษัทเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาพรวมทั้งอุตสาหกรรม
“ขณะนี้อุตสาหกรรม ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ ซึ่งคปภ.ได้ประเมินความมั่นคงของทุกบริษัทประกันภัยภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้าย ซึ่งทุกแห่งมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งสามารถรับมือได้เป็นอย่างดี และขอให้ประชาชนมั่นใจต่อระบบประกันภัยต่อไป”นายสุทธิพลกล่าว
โดยล่าสุด คปภ. ได้ออกคำสั่ง ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย เว้นแต่ปรากฎหลักฐานชัดเจนต่อบริษัทว่าผู้เอาประกันภัยได้กระทำการทุจริตหรือฉ้อฉลประกันภัยเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการประกันภัยนี้ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรมและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้เอาประกันภัยจากสถานกรณ์การแพร่ระบาดดังกล่าว และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยแล ประชาชน รวมถึงเพื่อเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบธุรกิจประกันภัยโดยรวม