ตามที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เคยเสนอแนวคิดให้กรมสรรพสามิต และกรมการขนส่งทางบก ออกมาตรการดูแลรถเก่า เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนเปลี่ยนรถคันใหม่ในปีที่แล้ว ซึ่งข้อเสนอนี้ถูกตีตกไปเรียบร้อย
ทั้งนี้ กลุ่มอุตฯยานยนต์เคยเสนอให้กรมสรรพสามิต จัดตั้งกองทุนจัดเก็บค่าธรรมเนียมกับรถยนต์เก่าที่ยังใช้งานอยู่ ภายใต้เงื่อนไขว่า หากผู้ใช้รถซื้อรถยนต์ใหม่โดยนำคันเก่าเข้าสู่กระบวน การกำจัดซากที่ได้มาตรฐาน จะได้รับเงินที่จ่ายเข้ากองทุนคืนพร้อมดอกเบี้ย หรือได้เครดิตจากกรมสรรพสามิต ซึ่งอาจจะเป็นการลดภาษีสรรพสามิตในการซื้อรถคันใหม่
ล่าสุดแหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ถ้าจะให้กลุ่มเสนอมาตรการนำรถเก่ามาเปลี่ยนเป็นรถใหม่โดยรัฐบาลสนับสนุนด้านภาษีสรรพ สามิต หรือควบคุมจำนวนรถเก่าผ่านเครื่องมือในการต่อภาษีประจำปีอันเข้มงวดสำหรับรถที่ปล่อยไอเสียสูง ทางกลุ่มคงไม่เสนออีกแล้ว เพราะปีก่อนโดนตีกลับมา แถมสังคมยังมองว่าทำไปเพราะต้องการสนับสนุนธุรกิจของตนเอง
“ถามว่าอยากได้มาตรการเหล่านี้ไหม ต้องบอกว่าอยากได้ แต่ถ้าจะให้ค่ายใดค่ายหนึ่งออกตัว คงไม่มีใครทำ เพราะจะถูกกล่าวหาว่ารังแกคนจน และมุ่งตอบสนองในธุรกิจตัวเอง ฉะนั้นรัฐบาลต้องเป็นต้นเรื่องในการผลักดัน เพราะรถเก่าหากไม่ได้รับการบำรุงรักษาที่ดีจะปล่อยไอเสียสูง ยกตัวอย่างในต่างประเทศรถเก่าต้องเสียภาษี (ต่อทะเบียน) รายปีเพิ่มขึ้น จนมาถึงจุดหนึ่งผู้ใช้รถจะมีค่าบำรุงรักษาสูง (หากจะทำให้รถผ่านมาตรฐานไอเสีย) ส่งผลให้การซื้อรถใหม่คุ้มค่ากว่า แต่สำหรับเมืองไทยสวนทางกันเพราะรถเก่าจะเสียภาษีรายปีถูกลงเรื่อยๆ”
นอกจากนี้ ยังมองว่ารัฐบาลเคยใช้นโยบายส่งเสริมรถยนต์คันแรก โดยงดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตให้รถยนต์บางกลุ่ม (เก๋งซับคอมแพ็กต์เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร,อีโคคาร์, ปิกอัพ) หากนำมาตรการนี้มาสนับสนุนให้คนเปลี่ยนรถเก่าเป็นรถใหม่ จะช่วยลดมลพิษได้โดยตรง และมีประโยชน์กว่าโครงการรถยนต์คันแรกเสียอีก
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รัฐบาลควรให้ยาที่ตรงกับโรค จากข้อมูลของโตโยต้าพบว่า PM 2.5 เกิดมาจาก 3 สาเหตุคือ 1. ภาคขนส่ง โดยเฉพาะรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล และภาคอุตสาหกรรม (โรงงานการผลิต) 2.การเผาในที่โล่ง และ 3.สภาพอากาศปิด ลมสงบ เหมือนเมืองถูกครอบด้วยฝาชี
ดังนั้นการแก้ปัญหาในข้อ 1. พบว่าปัจจุบันมีรถยนต์ดีเซล 11 ล้านคันทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ 4 ล้านคันเป็นรถที่เก่ามากๆ หรือมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 1, 2 ส่วนที่เหลืออีก 7 ล้านคัน เป็นรถยนต์ใหม่กว่าหรือผ่านยูโร 3, 4
สำหรับโตโยต้า เตรียมออกแคมเปญดูแลรถยนต์เก่า โดยบริการตรวจเช็กฟรี 24 รายการ และให้ส่วนลดอะไหล่ที่จำเป็นต้องเปลี่ยน ขณะเดียวกันยังพัฒนารถให้รองรับนํ้ามันดีเซล บี 20 ซึ่งการใช้นํ้ามันตัวนี้จะช่วยลดฝุ่นพิษได้10% ทันที
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์เพื่อขอให้ทุกค่ายช่วยตรวจสอบรถยนต์รุ่นเก่าที่หมดระยะประกัน โดยมอบการตรวจเช็กฟรี, ฟรีค่าแรง หรือหากจำเป็นจะต้องเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ ก็ขอความร่วมมือลดราคาลง 20% เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้บริโภค
เบื้องต้นศูนย์บริการของค่ายรถที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะเริ่มในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมาณฑลก่อน โดยค่ายใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า,อีซูซุ, นิสสัน ต่างตอบรับและคาดว่าในอนาคตค่ายอื่นๆ จะทยอยตอบรับเช่นเดียวกัน
นายสุพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาอุตสาหกรรมฯ ยังพูดคุยกับกลุ่มโรงกลั่น เพื่อขอส่วนลดนํ้ามันเครื่อง ที่เป็นส่วนสำคัญทำให้เกิดควันดำ โดยเบื้องต้นได้จับมือกับ ค่ายปตท.ที่จะลดราคาลง 50% เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินนำรถเข้ามาเปลี่ยน และในอนาคตคาดว่าจะมีกลุ่มโรงกลั่นอีกหลายเจ้าที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้
สภาอุตสาหกรรมฯ จะเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้ หลังจากนั้นจะรอดูผลการตอบรับของผู้บริโภคในช่วง 1 เดือน ซึ่งทางกลุ่มคาดว่าจะมีรถยนต์เก่าเข้ามาใช้บริการไม่ตํ่ากว่า 6 หมื่นคัน
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3543 วันที่ 26-29 มกราคม 2563