ตามข่าว เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากสหรัฐอเมริกา ถอนการทำธุรกิจในไทยแบบสายฟ้าแลบ ทั้งในส่วนโรงงานผลิตที่ จ.ระยอง ขายให้ “เกรท วอล มอเตอร์ส” จากจีน และเตรียมยุติการขายรถยนต์เชฟโรเลตทุกรุ่นภายในสิ้นปีนี้
สำหรับยอดขายเชฟโรเลตในไทยปี 2562 ทำได้ 15,161 คันลดลง 25.4% เมื่อเทียบกับปี 2561 (20,313 คัน) โดยปีที่แล้วเปิดตัวโปรดักต์ใหม่คือ “แคปติวา” ที่นำเข้ามาจากโรงงานประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งยอดส่งมอบเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2562 ทำได้ 530 คัน ล่าสุดออกแคมเปญ ในรุ่น 1.5 TURBO LS จากราคา 9.99 แสนบาท เหลือ 8.69 แสนบาท จำนวนจำกัด 300 คัน สำหรับลูกค้าที่จอง และรับรถภายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมลดราคาขายปิกอัพโคโลราโด และเทรลเบลเซอร์ เช่นกัน
แหล่งข่าวผู้แทนจำหน่าย “เชฟโรเลต” รายหนึ่งเปิดเผยว่า เพิ่งทราบข่าวพร้อมกับคนอื่นๆวันนี้ เพราะเดือนมกราคมที่ผ่านมา จีเอ็มยังจัดประชุมผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมเผยทิศทางที่กำลังจะมุ่งไป และโปรดักต์ใหม่ๆที่จะเปิดตัวภายใน 1-2 ปีนี้อยู่เลย
“ต้องรอดูว่าบริษัทแม่จะเยียวยาอย่างไร ที่สำคัญยังมีผู้จำหน่ายรายหนึ่งเพิ่งลงทุนสร้างโชว์รูมศูนย์บริการแห่งใหม่ที่มีสเกลใหญ่มากที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรงนี้จะทำอย่างไร” แหล่งข่าวกล่าว
ขณะที่ผู้บริหารของพระนครยนตการ ดีลเลอร์รายใหญ่ของเชฟโรเลต กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้านี้เช่นกัน
ปัจจุบันเชฟโรเลตมีโชว์รูม-ศูนย์บริการทั่วประเทศ(ทั้ง 3S และ 2S) 85 แห่ง และปีที่แล้วเพิ่งได้พันธมิตรใหม่ บริษัท บลู แรบบิท ออโต้ จำกัด และ บริษัท นอร์ทพอยท์ออโต้ ลำพูน จำกัด เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานรูปแบบ “3S” ที่จังหวัดน่านและลำพูน ตามลำดับ
ขณะที่ลูกค้าเชฟโรเลต ต่างแสดงความเห็นผ่านแฟนเพจเฟซบุค “เชฟโรเลตเทรลเบลเซอร์ คลับ” ว่าเป็นกังวลในการบริการหลังการขาย และราคาขายต่อรถมีโอกาสตกลงอย่างมาก
แฟนเพจรายหนึ่งกล่าวว่า เรื่องบริการหลังการขายอะไหล่ต่างๆทั้งในและนอกศูนย์ผมว่าระยะสั้นยังไม่น่าห่วงยังคงมีอะไหล่ แต่ระยะยาวๆหลัง 5-8 ปีจากนี้ไปอะไหล่จะน้อยลงเรื่อยๆ และแพงขึ้นเรื่อยๆตามภาษารถที่บ.แม่ไม่อยู่แล้วไม่ได้ผลิตอะไหล่เพิ่มเติม
นายแอนดี้ ดันสแตน ประธานกรรมการตลาดเชิงกลยุทธ์ พันธมิตรและผู้แทนจำหน่าย จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่นส์ กล่าวว่า จีเอ็มได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์โดยละเอียดถึงแผนธุรกิจที่จะจัดสรรโครงการรถยนต์รุ่นใหม่ให้แก่ศูนย์การผลิตในจังหวัดระยอง แต่พบว่าจะมีอัตราการใช้กำลังการผลิตของศูนย์การผลิตแห่งนี้ได้อย่างไม่เต็มที่ ตลอดจนความต้องการสินค้าในตลาดประเทศไทยและตลาดส่งออกที่เราคาดการณ์ไว้นั้นจะมีจำนวนน้อย อีกทั้งยังมีปัจจัยทางเศรษฐกิจหลายประการที่ไม่เอื้อต่อแผนธุรกิจนี้
“การยุติการผลิตและการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยนั้นเป็นไปตามกลยุทธ์ การดำเนินธุรกิจทั่วโลกของจีเอ็ม และขอบข่ายการจัดสรรเงินทุนภายในองค์กรของเรา ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงศักยภาพและความสามารถของทีมงานในประเทศไทย รวมถึงผู้จัดจำหน่ายของเราแต่อย่างใด ผมต้องขอขอบคุณพวกเขาที่ทำงานและให้การสนับสนุนจีเอ็มรวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยมาโดยตลอด นอกจากนี้ ผมต้องขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของเรามาอย่างยาวนานในตลาดรถยนต์ที่มีการแข่งขันทางธุรกิจสูงมาก ในประเทศไทย” นายแอนดี้ กล่าวเพิ่มเติม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง