ปี 2562 แม้ยอดผลิตรถยนต์ไทยจะปิดถึง 2 ล้านคัน แบ่งเป็นขายในประเทศและส่งออกในสัดส่วน 50:50% แต่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังประเมินสถานการณ์โดยรวมตอนนั้นว่า เริ่มส่อแววแย่ และมีโอกาสร่วงหนักในปีนี้ จากภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ซึ่งวิเคราะห์บนพื้นฐานที่โควิด-19 ยังไม่เกิด

ดังนั้น ในปีที่แล้วกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จึงมีแนวคิดกระตุ้นยอดขาย และช่วยลดมลพิษ PM 2.5 ไปพร้อมๆ กัน ด้วยการเสนอให้ภาครัฐเปิดโครงการ “รถเก่าแลกรถใหม่” โดยให้เงินสนับสนุน หรือสิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับคนที่นำรถเข้าโครงการนี้ เพื่อเปลี่ยนไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่สุดท้ายข้อเสนอนี้ถูกตีตกไปเรียบร้อย

ล่าสุด ค่ายรถยนต์ปัดฝุ่นโครงการนี้อีกครั้ง โดยยกความเดือดร้อนในช่วงโควิด-19 ที่มีผลต่อการผลิตรถยนต์ลดลง กระทบการจ้างแรงงานหลายแสนรายในธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งหมด ซึ่งโรงงาน (รถยนต์,และผู้ผลิตชิ้นส่วน) ต่างปรับแผนการผลิต ทั้งหยุดชั่วคราว สลับวันกันทำงาน พร้อมรับค่าจ้างที่ลดลง เพื่อประคองสถานการณ์

สำหรับข้อเสนอนี้ถูกยื่นให้หน่วยงานรัฐบาล โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย 3 แนวทาง คือ 1.เลื่อนบังคับใช้มาตรฐานไอเสียยูโร 5 และยูโร 6 ออกไปก่อน จากเดิมที่จะมีผลในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ (มีผลต่อการดำเนินงานและต้นทุนการผลิตรถยนต์)

2.ลดภาษีสรรพสามิต 50% จะทำให้รถยนต์มีราคาถูกลง ถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อรถยนต์ใหม่ ทั้งนี้ต้องเป็นรถที่ผลิตในประเทศเท่านั้น

3.เปิดโครงการถเก่าแลกรถใหม่ โดยประชาชนนำรถเก่าอายุอาจจะมากกว่า 20 ปีมาแลกซื้อรถใหม่ พร้อมรับส่วนลด 1 แสนบาท ส่วนหนึ่งเป็นการลดมลพิษ PM2.5 และรัฐบาลจะได้นำรถเก่าไปทำลาย

ด้านแหล่งข่าวจากผู้ผลิตรถยนต์รายหนึ่ง กล่าวว่า ทางกลุ่มต้องการนำเสนอข้อเรียกร้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6 เพราะมองว่ามาตรฐานนํ้ามันควรจะไปควบคู่กัน แต่หากภาครัฐยังยืนยันว่าเลื่อนไม่ได้ก็อาจจะเป็นการบังคับใช้ยูโร 5 ก่อน ส่วนยูโร 6 ควรจะขยับออกไปอีก 2 - 3 ปี ซึ่งตอนนั้นมาตรฐานนํ้ามันจะพร้อมไปด้วยกัน

ส่วนเรื่องลดภาษีสรรพสามิตนั้น น่าจะแค่ชั่วคราวหรือถึงสิ้นปี โดยออกเป็นมาตรการระยะสั้น เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถได้เร็วขึ้นด้านข้อเสนอ รถเก่าแลกรถใหม่ คาดว่าจะเป็นรถอายุ 20 ปีขึ้นไป ให้นำมาแลกรถใหม่อาจวางเงื่อนไขว่า ต้องเป็นรถที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดมลภาวะ ไม่ว่าจะเป็นรถไฮบริด,ปลั๊ก-อินไฮบริดหรืออีวี

“เบื้องต้นเสนอเป็นหลักการไปก่อน ถ้าภาครัฐฯรับเงื่อนไขก็คงต้องมีการพูดคุยกันต่อไปเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ”

ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า แม้โรงงานผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ จะเริ่มกลับมาทำงานแล้วก็ตาม โดยการผลิตในขณะนี้อาจจะไม่เต็มกะ หรือสลับๆ เพราะต้องดูปริมาณสต๊อกที่มีอยู่ด้วย

“กำลังซื้อและบรรยากาศการจับจ่ายในประเทศยังไม่มี ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศก็ลดลง ขณะที่ปัญหาเรื่องแรงงาน แน่นอนว่าสุดท้ายจะต้องเกิดขึ้น หากสถานการณ์ตลาดหรือยอดขาย-ยอดผลิต ยังเป็นแบบนี้คงได้เห็นมาตรการต่างๆ ของแต่ละบริษัทไม่ว่าจะเปิดโครงการสมัครใจลาออก, เลิกจ้าง ซึ่งในฐานะผู้ผลิตสิ่งที่ทำตอนนี้คือต้องดึงไว้ให้นานที่สุด และยังคาดหวังว่าทุกอย่างน่าจะกลับมาดีขึ้น”

อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนจีดีพีของไทย ดังจะเห็นตัวอย่างในอดีต เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติต้มยำกุ้ง นํ้าท่วมใหญ่ เมื่อภาครัฐยื่นมือมาสนับสนุนจะเป็นตัวกระตุ้นให้จีดีพีกระเตื้องขึ้นมา

“เราเข้าใจดีว่าตอนนี้ รัฐต้องช่วยเหลือเรื่องปากท้องประชาชนก่อน ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เองเข้าใจ แต่ก็อยากนำเสนอในมุมของเรา ที่แม้ว่าจะเป็นไพรออริตี้หลังๆ ที่รัฐจะเข้ามาดูแลก็ตาม” แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้การจัดเก็บภาษีรถยนต์ของกรมสรรพสามิตในช่วง 5 ปีย้อนหลัง ขยายตัวต่อเนื่อง โดยจัดเก็บได้เป็นอันดับ 2 รองจากภาษีสรรพสามิต นํ้ามันทุกปี 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,577 วันที่ 24 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ประกันรถใกล้หมด สนใจรับข้อเสนอพิเศษ คลิกที่นี่

"มือ 2 "ชี้ข้อเสนอ"กลุ่มยานยนต์ฯ"ระวังซ้ำรอยรถยนต์คันแรก