เมื่อวันที่ 24 มี.ค.เวลา 10.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีสิน วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระบุตอนหนึ่งว่า กรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นพื้นที่น่าห่วงจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 COVID-19 เพราะมีอัตราคนติดเชื้อ 1 คนสามารถส่งตัวเชื้อได้ 3 คนครึ่ง ถ้าหากไม่รีบดูแลจะทำให้คนติดเชื้อทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ผู้ติดเชื้อ 1 คนสามารถส่งต่อเชื้อได้ 2 คน ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานโลก
เมื่อถามว่ามาตรการควบคุมที่ออกมา เช่น การให้ทำงานอยู่ที่บ้านจำเป็นต้องเพิ่มระดับมากกว่านี้ เช่นออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉินหรือไม่ นพ.ทวีสิน กล่าวว่า เราเรียนรู้จากต่างประเทศ เขาค่อยๆปรับระดับจากอ่อนไปแข็ง รวมถึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน อย่างเช่น ประเทศจีนออกมาตรการอะไรมาประชาชนก็ให้ความร่วมมือถ้าไม่อยากให้ภาครัฐออกประกาศมาตรการที่เข้มข้นประชาชนต้องร่วมมือกันควบคุมโรค ยังรวมถึงระยะการแพร่ของโรคด้วยถ้าปล่อยให้ระบาดมากมาทำแค่ไหนก็ไม่พอ
ด้านพญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก 192 ประเทศ ผู้ป่วยสะสม 3.66 แสนกว่าราย เสียชีวิต 16,098 ราย ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 31
ส่วนที่โรงพยาบาลศิริราชแถลงคาดการณ์ว่าจะมีผู้ติดเชื้อมากถึง 3.5 แสนราย ในอนาคต นั้นพญ.วลัยรัตน์ ระบุว่า มีหลักการทางระบาดวิทยา ที่มีการคาดการณ์คนไข้ก็ขึ้นเป็นแสนรายเช่นกันจากจำนวนผู้ป่วยที่ไม่มีมาก แต่พอมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นก็มีปรับใหม่การคาดการณ์ใหม่จากระยะยาวเป็นระยะสั้น ถ้าเป็นระยะยาวก็อาจจะเป็น 3-4 แสนรายใน 2 ปี ดังนั้นจึงลดเป็นกราฟระยะสั้น ดูแลกลุ่มป่วย ณ ปัจจุบัน ประกอบกับจะดูมาตรการในการลดจำนวนผู้ป่วยให้เร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ย้ำว่ามาตรการก็ไมได้เกิดจากรัฐบาลอย่างเดียว
นพญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู
ส่วนที่มีการห่วงกังวลการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อในผู้สูงอายุ จากการที่มีคนอกจากกรุงเทพมหานคร(กทม.)กลับต่างจากหวัดนั้น กระทรวงสาธารณสุขก็พยายามไม่ให้คนในกทม.กลับต่างจังหวัดช่วงวันหยุด เพราะถ้าคนในกทม.ไม่ทราบว่าใครติดเชื้อบ้าง ถ้าท่านอยู่กับบ้าน ท่านไม่แพร่เชื้อผู้สูงอายุที่ต่างจังหวัดก็จะปลอดภัย เพราะผู้สูงอายุในต่างจังหวัดไม่ออกนอกบ้านอยู่แล้ว ดังนั้นการมีเชื้อโรคอาจจะเกิดจากคนในบ้านที่นำเชื้อกลับไปบ้าน
ส่วนสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ณ วันที่ 24 มีนาคม 2563 ได้รับรายงานผู้ป่วยรายใหม่ 106 ราย ผู้ป่วยกลับบ้าน 57 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาล 766 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมผู้เสียชีวิต 4 ราย ผู้ป่วยสะสม 827 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ กลุ่มแรกเป็นผู้ป่วยที่สัมผัสกับอดีตกลุ่มผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่ผู้ป่วยก่อนหน้านี้จำนวน 25 ราย แบ่งเป็น 5 รายจากสนามมวยลุมพินี ราชดำเนิน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชม และเซียนมวย จากกรุงเทพ นครปฐม สมุทรสาคร และอุบลราชธานี
กลุ่มสถานบันเทิง 6 ราย จากทองหล่อ และอาร์ซีเอ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยว พนักงานเสิร์ฟ จากจังหวัดสระบุรี กรุงเทพฯ บุรีรัมย์ และชลบุรี
และกลุ่มผู้ป่วยสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงาแล้ว 12 ราย เป็นพนักงายขายเสื้อผ้า เซียนมวย พนักงารบริการ พนักงานราชการ ที่มีการสังสรรค์ กลุ่มย่อยผู้เข้าร่วมพิจารณาทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 2 รายพบที่จังหวัดปัตตานี
กลุ่มสองจำนวน 34 รายใหม่ แยกเป็น 3 กลุ่ม เดินทางมาจากต่างประเทศ ต่างชาติ 20 ราย คนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 8 ราย เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นักศึกษา และต่างชาติ 12 ราย จากประเทศฝรั่งเศล ปากีสถาน อังกฤษ และนิวซีแลนด์ และผู้ที่ทำงานในสถานที่แอดอีกอีก 10 ราย
นพ.ทวีสิน กล่าวต่อว่า อีกกลุ่มเราเป็นห่วงมาก คือ บุคลากรทางการแพทย์ มีแพทย์และพยาบาลจำนวน 4 ราย จากจังหวัดภูเก็ต ยะลา บุรีรัมย์ และนครปฐม ซึ่งน่าเป็นห่วงแต่ต้องดูแลอาการ และมีกลุ่มผู้ป่วยที่พบเชื้อและรอตรวจสอบประวัติอีก 47 ราย และข้อมูลใหม่วันนี้ (24 มี.ค.)จากของเดิมมีผู้ป่วยอาการหนัก 7 รายวันนี้เสียชีวิตลงอีก 3 รายเป็นผู้ชายทั้งหมด คนแรกเป็นชายไทยอายุ 70 ปี ได้รับเชื้อโควิด-19 เข้าไป และพบว่าป่วยเป็นวัณโรคอยู่เดิม อาการหนักตั้งแต่ต้น พบปอดเสียหายระยะหลังไม่พบเชื้อแล้ว แต่ระยะหลังไม่สามารถหายใจได้จึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ คนที่สองชายไทยอายุ 79 ปี เป็นเซียนมวย มีโรคประจำตัวหลายโรค อาการหนักตั้งแต่แรกรับ
สำหรับผู้เสียชีวิตคนแรกและคนที่สองได้รับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร คนที่สาม เป็นชายไทยอายุ 45 ปี มีโรคเบาหวาน และโรคอ้วน โดยรักการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน รวมของเดิมเสียชีวิตก่อนหน้านี้ 1 ราย ทำให้ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 จำนวน 4 ราย