เมื่อเวลา 21.10น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามผู้โดยสารชาวไทยที่ได้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อช่วงค่ำ ของวันที่ 3 เม.ย.63 ว่า ขณะนี้ชาวไทยทั้ง 158 รายได้มารายงานตัวครบแล้ว เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการกักตัวตามขั้นตอนต่อไป
การเข้ามารายงานตัวดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากผู้โดยสารเดินทางจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ไม่ยอมกักตัวตามมาตรการของประเทศไทย ในจำนวนนี้มีบางรายที่ตรวจพบว่ามีไข้ที่สนามบิน แต่ได้ออกจากสนามบินไปก่อน
เหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะมีความเสี่ยงในการทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือโควิด-19 ไปยังบุคคลในครอบครัวได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวในครอบครัวและชุมชน เพราะหากในบางรายเชื้อยังอยู่ในช่วงระยะฟักตัวของโรค ก็ไม่มีอาการ ทำให้คิดว่าไม่ป่วย หรือบางรายมีอาการป่วยไม่มาก แต่สามารถแพร่เชื้อไปยังบุคคลรอบข้างได้ โดยเฉพาะผู้ใกล้ชิดในครอบครัว จึงควรรีบมาตรวจและกักกันโรคเพื่อความปลอดภัย
ปัจจุบันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019หรือโควิด-19 ได้ถูกประกาศเป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 เป็นลำดับที่ 14 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563
ดังนั้นการรายงานโรคจะเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งในกรณีที่มีโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดเกิดขึ้น พ.ศ.2560
นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
โดยให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่งเร่งดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยด่วน
รวมทั้งขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยทั้งของตนเองและผู้อื่น