นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกคำสั่งปิดสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม โดยให้ปิดโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายวว่าด้วยพ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 ทุกประเภท และสถานประกอบการในลักษณะเดียวกัน
ยกเว้นโรงแรมที่ทางราชการใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม หรือสถานที่พักเพื่อสังเกตอาการ หรือใช้เพื่อประโยชน์อื่นใดในทางราชการในการแก้ไขปัญหาตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
สำหรับโรงแรมที่มีผู้เข้าพักอยู่ก่อนที่คำสั่งนี้จะมีผลใช้บังคับ ให้พักต่อไปจนกว่าผู้เข้าพักจะแจ้งออกจากห้องพักจนหมดแล้วให้ปิดทันทีโดยไม่ให้มีการรับผู้เข้าพักเพิ่มอีก
ทั้งนี้ ให้โรงแรมที่ยังมีนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางเข้าพักอยู่ต้องเจ้งจำนวนและรายชื่อผู้เข้าพักให้ที่ทำการปกครองอำเภอทราบ เพื่อตรวจคัดกรองผู้เข้าพักทุกคน หากผู้เข้าพักคนใดมีอาการเข้าข่ายที่ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกัน หรือ คุมไว้สังเกตุอาการยังสถานที่ที่จังหวัดกำหนด
และห้ามมิให้เรือที่แจ้งออกมาจากต่างจังหวัดแจ้งเข้าท่าในเขตจังหวัด ยกเว้นมีเหตุจำเป็นหรือเหตุสุดวิสัย กรณีเรือประมงพื้นบ้านที่จะออกทำการประมงในห้วงเวลาเคอร์ฟิวไห้แจ้งประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแจ้งการเข้าออกในพื้นที่ ส่วนการทำเกษตรในช่วงเคอร์ฟิว เช่น ประมง ให้ขออนุญาตโดยวาจากับเจ้าพนักงาน (กำนันผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ) ในพื้นที่
หากผู้ใดฝ่ฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ มีความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พศ 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่กินสองหมื่นบาท มีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและมีโทษตามมาตรา 18 แห่พระราชกำหนดการบริหารรชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ