พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติช่วงเวลา เคอร์ฟิว(ณ วันที่ 4 เม.ย. เวลา 22.00 - 5 เม.ย. 63 เวลา 04.00 น.) ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารฝ่ายปกครอง และหน่วยร่วมปฎิบัติที่เกี่ยวข้องว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฯและ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.)
โดยในห้วงวันที่ 4 เม.ย. เวลา 22.00 น. - 5 เม.ย. 63 เวลา 04.00 น. ที่ผ่านมานั้น มีผลการปฎิบัติในการตั้งจุดตรวจเคอร์ฟิวทั้งหมด 836 จุด ตามพื้นที่ทั่วประเทศ ใช้กำลังพลตร. 9,141 คน และเจ้าหน้าที่หน่วยร่วมปฎิบัติ อาทิ ทหาร ฝ่ายปกครอง สาธารณสุขรวมทั้งสิ้น 18,893 คน
อีกทั้งในส่วนของกรณีที่ได้รับข้อยกเว้น ตรวจพบยานพาหนะทั้งหมด 14,344 คัน บุคคลจำนวน 19,312 คน ตรวจพบกรณีฝ่าฝืนไม่มีเหตุอันควร ,ออกนอกเคหสถาน , แยกเป็นยานพาหนะ 404 คัน บุคคลจำนวน 541 คน กรณีผู้รวมกลุ่ม ชุมนุม หรือมั่วสุมฯ ตรวจพบยานพาหนะ 6 คัน บุคคลจำนวน 39 คน และมีการการดำเนินการ ตักเตือน จำนวน299 ราย ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย 308 ราย
พร้อมขอความร่วมมือประชาชนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามประกาศหรือข้อกำหนดต่างๆ ที่ภาครัฐได้ออกมา โดยเฉพาะคำสั่งให้กักตัวอยู่กับบ้านหรือสถานที่ที่ทางรัฐจัดเตรียมให้ เพื่อช่วยกันหยุดการแพร่เชื้อไวรัส covid-19 ทำให้ประเทศไทยปลอดภัยให้เร็วที่สุด โดยหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศอาจมีความผิด ตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน40,000 บาท และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ท่าน ผบ.ตร. ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยร่วมปฏิบัติในการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ และให้ระมัดระวังป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรค อีกทั้งได้กำชับให้ตำรวจทุกนายร่วมปฎิบัติอย่างเต็มกำลังความสามารถ เอาจริงในการบังคับใช้กฎหมายร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในครั้งนี้