ฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน “อัยการ”ฟ้องศาลลงโทษหนัก

07 เม.ย. 2563 | 06:22 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ค. 2563 | 10:01 น.

 "อัยการสูงสุด" สั่งฟ้องคดีเฉียบขาด ขอศาลลงโทษหนัก ผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  เหตุไม่ร่วมมือมาตรการภาครัฐ เน้นบังคับใช้กฎหมายให้สังคมปลอดภัย 

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด , นายรัชต์เทพ ดีประหลาด ผอ.สำนักงานบริหารกิจการสำนักงานอัยการสูงสุด และนางณฐนน  แก้วกระจ่าง ผอ.สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ดำเนินการรวบรวม วิเคราะห์ ได้จัดแถลงผลการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในช่วงสถานการณ์การควบคุมและป้องกันแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) 

 

นายประยุทธ เปิดเผยว่านายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้มีหนังสือ ที่ อส 0006(นย)/ว 137 แจ้งคำสั่ง มาตรการและแนวปฏิบัติให้แก่บุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยอัยการสูงสุด ได้กำชับใช้พนักงานอัยการทั่วประเทศได้บังคับใช้กฎหมายอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดกับผู้ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และขอให้ศาลลงโทษสถานหนักต่อไป

 

จากข้อมูลหลังเมื่อรัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 1 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 3 เม.ย.63 ที่ผ่านมา จากการประมวลผลภาพรวมทั้งประเทศในการดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดดังกล่าว  ในช่วงวันที่ 3-6 เม.ย.ที่ผ่านมา มีจำนวนคดี และจำนวนผู้ต้องหาหรือจำเลยที่กระทำความผิดและถูกดำเนินคดี ทั้งประเทศมีการฝ่าฝืนทั้งสิ้น จำนวน 438 คดี  , จำเลยที่ถูกดำเนินคดี 623 ราย เพศชาย 431 ราย และเพศหญิง 425 ราย ส่วน 67 รายกำลังรอรายงาน 

2. ทุกคดีที่ฟ้อง พนักงานอัยการได้มีคำขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก ซึ่งศาลได้ใช้ดุลยพินิจ ลงโทษจำเลยตามคำขอของพนักงานอัยการ เช่น คดีที่พนักงานอัยการฟ้องต่อศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ลงโทษผู้จำคุก 2 – 4 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ (ข้อหามั่วสุม)  , ศาลแขวงจังหวัดอุบลราชธานี จำคุก 15 วัน เปลี่ยนโทษจำคุก เป็นกักขังแทน 15 วัน เป็นต้น 

 

3.ประเภทคดีที่มีการฝ่าฝืนมากที่สุด  ได้แก่ การออกนอกเคหะสถาน (ข้อมูลสิ้นสุด ณ เย็นวันที่ 6 เม.ย.ฟ้อง 188 คดีมีผู้ถูกดำเนินคดี 190 ราย) , ข้อหารองลงมา คือ มั่วสุมกัน  โดยช่วงอายุที่กระทำความผิดมากที่สุด คืออายุระหว่าง 20-35 ปี  , รองลงมาคือช่วงอายุระหว่าง 35-55 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่สอดรับกับนัยนะสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความห่วงใยระมัดระวังในการแพร่เชื้อ ที่เรียกร้องให้อยู่ในบ้าน 

 

ทั้งนี้ จังหวัดที่มีสถิติผู้ติดเชื้อ COVID-19 สูง เช่น กรุงเทพฯ ,  จ.นนทบุรี , จ.ชลบุรี , จ.เชียงใหม่ ก็เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนจำนวนสถิติคดีและจำนวนผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีจำนวนสูงด้วยเช่นกัน 

นายประยุทธ รองโฆษกอัยการ กล่าวย้ำในตอนท้ายอีกว่า ข้อมูลที่นำมารายงานนี้เป็นภาพรวมการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ของทั้งประเทศในช่วงวันที่ 3-6 เม.ย. ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจำเป็นจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 เพราะหากมีการฝ่าฝืนไม่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนดไว้ หากต้องถูกดำเนินคดีก็จะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด