เมื่อวันที่ 23 เม.ย.เวลา 11.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงในช่วงเคอร์ฟิว คืนวันที่ 22 เม.ย.ต่อเนื่องเช้าวันที่ 23 เม.ย. มีผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน มีจำนวน 617 เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาจำนวน 63 ราย ชุมนุมมั่วสุ่ม 106 ราย เพิ่มขึ้น 51 ราย
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ได้สอบถามในที่ประชุมศบค.วงเล็ก ว่าทำไมตัวเลขจึงเพิ่มขึ้น ตัวแทนสำนักงานตรวจแห่งชาติ (สตช.) รายงานว่า ตอนนี้มีการปรับกระบวนการลดการการตั้งด่านตรวจลง เพราะคนทำผิดไม่ได้อยู่บนถนน อยู่ที่บ้านและในชุมชน มีการเล่นการพนัน ดื่มสุรา และยาเสพติดอยู่ที่บ้าน จึงจะต้องทำงานเชิงรุกมีการเพิ่มสายตรวจ เข้าไปในชุมชน
"พร้อมกันนี้ขอให้ประชาชนแจ้งเบาะแสมาที่เจ้าหน้าที่ และเจตนาตำรวจไม่ได้อยากปรับแต่ต้องการป้องปราม เมื่อเข้าไปแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะจับทันทีแต่ตักเตือน และถ้าเล่นการพนันยอมไม่ได้ เพราะมีหลายเคนติดเชื้อมาจากการเล่นการพนัน ต้องดำเนินคดีไม่ให้เป็นตัวอย่าง"
โฆษกศบค. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตั้งแต่ประกาศเคอร์ฟิว พบว่ามีผู้ออกนอกเคหะสถานโดยไม่มีเหตุอันสมควร จำนวน 16,179 ราย ตักเตือน 2,983 ราย ดำเนินคดี 1,3196 ราย ขณะที่รวมกลุ่มชุมนุม มั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ 1,835 ราย ดำเนินดคี 1,730 ราย ส่วนจังหวัดที่มีการกระทำผิดมากที่สุด ได้แก่ ภูเก็ต กรุงเทพฯ ปทุมธานี ราชบุรี ระยอง