นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ได้แถลงถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19 ) ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ผลการตรวจสอบถานประกอบการของกรมอนามัยในเชิงปริมาณและคุณภาพ ที่จะมีการตรวจสอบที่เข้มงวดกว่าของหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะข้อกำหนด 5 ข้อ ที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน คือ ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง และในสถานประกอบการผู้ให้บริการต้องมีเรื่องการทำความสะอาดพื้นผิว และลดความแออัด ใน 77 จังหวัด
โดยเฉพาะกิจการร้านเสริมสวย แต่งผม ตัดผมพบว่า ผ่านเกณฑ์มาตรฐานดีเยี่ยม 27.18% ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 9.74% และไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสูงถึง 63.08% โดยประเด็นที่ไม่ผ่านเกณฑ์คือการบันทึกชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร วันและเวลาของผู้มารับบริการทุกราย จุดคัดกรองพนักงานและผู้มารับบริการ ผู้ให้บริการอาจไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า แผ่นใสครอบหน้าและผ้ากันเปื้อน /เสื้อคลุมที่สะอาด
ร้านสปา อาบน้ำ ตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝากสัตว์ กลุ่มนี้พบว่า ทำได้ค่อนข้างดี ผ่านเกณฑ์ดีเยี่ยม 40% ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน7% และไม่ผ่านเกณฑ์สูงถึง 53% ประเด็นที่ไม่ผ่านเกณฑ์คือ จุดคัดกรองพนักงานและผู้มารับบริการ ผู้ให้บริการสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย แผ่นใสครอบหน้า สวมถุงมือยาง หมวกคลุมผม และผ้ากันเปื้อนที่สะอาดทุกครั้งที่ให้บริการ จัดที่ยืนสำหรับลูกค้าที่รอชำระเงิน
ส่วนด้านการตรวจสอบของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) จากการตรวจสอบ 177,026 แห่ง คือกลุ่ม ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลาด ร้านค้าปลีก ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม สนามกอล์ฟ สนามกีฬา สวนสาธารณะ ร้านสัตว์เลี้ยง มีการปฏิบัติตามมาตรการ 131,042 แห่ง ปฏิบัติไม่ครบ (แนะนำ) 41,127 แห่ง และไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 4,857 แห่ง
ส่วนด้านกระทรวงมหาดไทย รายงานถึงความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค กิจกรรมที่ให้ความร่วมมือน้อยที่สุด คือรถเข็น หาบเร่ แผงลอย ตลาดน้ำ ตลาดนัด และร้านค้าปลีก/ค้าส่งขนาดย่อม ร้านค้าปลีก/ค้าส่งชุมชน ส่วนที่ให้ความร่วมมือมากที่สุด คือห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ และสถานที่ให้บริการดูแลรักษาสัตว์ สปา อาบน้ำตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝากสัตว์
โดยมาตรการที่ผู้ประกอบการ/ผู้ใช้บริการปฏิบัติมากที่สุด คือสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล การห้ามมีผู้ชุมนุมกัน ส่วนมาตรการที่ปฏิบัติน้อยคือ การสวมเฟซชิลด์ ถุงมือ และเสื้อคลุมแขนยาวที่ให้บริการในร้านเสริมสวย สถานที่ให้บริการดูแลรักษาสัตว์ การควบคุมจำนวนผ้ใช้บริการ มิให้แออัดและการลดเวลาในการใช้บริการให้สั้นลง
"การตัดสินใจเพื่อเข้าสู่การผ่อนปรนระยะที่สอง จำเป็นมากที่จะต้องผ่อนคลายเพื่อให้เศรษฐกิจไปได้ แม้จะมีความกังวลใจในการระบาดคลื่นลูกที่สอง ก็ต้องขอความร่วมมือ ต้องทำความเข้าใจในทุกระดับ และการทำชุดข้อมูลต่างๆจะต้องเป็นไปในทางเดียวกัน และการปฏิบัติจะมีการนำแอพพลิเคชัน"ไทยชนะ"เข้ามาสนับสนุนการปฏิบัติงาน ทั้งของผู้ประกอบการ กิจการ กิจกรรมให้เป็นไปตามข้อกำหนด และสร้างการรับรู้ให้ประชาชนและเข้าใจทั้งผู้ใช้และผู้รับบริการ ต้องมีการใช้เครื่องมือในการปกป้องและป้องกัน พลเมือง ซึ่งหลายประเทศก็ใช้เครื่องมือมาช่วยให้ประชาชนรู้ถึง คิวอาร์โค้ด รู้ถึง Health Code แต่ต้องมั่นใจว่าสามารถปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลให้ได้นี่คือหลักการ" นพ.ทวีศิลป์กล่าวทิ้งท้าย