นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) เปิดเผยว่า จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ทำให้ช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ประเทศต่างๆ ทั่วโลกประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มคลี่คลาย ทำให้แต่ละประเทศต่างๆ เริ่มกลับมาฟื้นฟูประเทศ เพื่อให้กิจกรรมด้านเศรษฐกิจกลับมาสู่สภาพปกติโดยเร็ว กำลังแรงงานถือเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญของภาคธุรกิจ ซึ่งแรงงานไทยเป็นประเทศลำดับแรกๆ ที่ตลาดแรงงานในต่างประเทศต้องการทั้งในประเทศที่เป็นคู่เจรจาเดิม และที่นิยมของแรงงานไทย เช่น ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย ญี่ปุ่น อิสราเอล เพราะได้รับการยอมรับเรื่องความมีวินัย และฝีมือของแรงงาน และประเทศอื่นๆ เช่น คูเวต ที่มีเอกอัครราชทูตเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี และแจ้งว่าต้องการแรงงานไทยไปทำงานในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ
เนื่องจากแรงงานไทย มีวินัยในการทำงานและมีทักษะฝีมือดี ซึ่งกรมการจัดหางานจะมีการเตรียมความพร้อมในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ได้ทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีโอกาสได้รับการพัฒนาทักษะฝีมือ ซึ่งตลอดเวลาได้มีการเตรียมความพร้อมของแรงงานไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน โดยจะเร่งเตรียมการจัดส่งคนงานไปทำงาน โดยคาดว่าจะเชิญบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตจัดส่งคนไทยไปทำงานต่างประเทศมาร่วมประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนงานเดินทางไปทำงานได้ทันทีหากการเดินทางระหว่างประเทศ สามารถทำได้ตามปกติ คาดว่าการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศในปีงบประมาณ 2563 จะสามารถดำเนินการได้ใกล้เคียงเป้าหมาย 100,000 คน ตามที่ตั้งเป้าไว้และทำให้มีรายได้เข้าประเทศกว่า 140,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ขอย้ำให้แรงงานไทยที่สนใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ควรไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน นายสุชาติฯ กล่าว