เมื่อวันที่ 27 ส.ค.63 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19ในเมียนมาจากการระบาดระลอกที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.63 จำนวน 580 ราย และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ที่รัฐยะไข่เมืองซิตตเวซึ่งเป็นเมืองเอก จนทำให้มีการล็อกดาวน์เมืองซิตตเวอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.63 ที่ผ่านมา
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ( 28 ส.ค. 63 )แจ้งนายอำเภอให้เน้นย้ำ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านของพื้นที่ที่ติดต่อกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีช่องทางผ่านแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ให้ระมัดระวัง ป้องกัน การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้แจ้งนายอำเภอ - กำนันผู้ใหญ่บ้านตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยอย่างเคร่งครัด ส่วนแนวทางการป้องกันการเดินทางเข้ามาในประเทศผ่านช่องทางการเข้าออก ด่าน จุดผ่านแดน หรือจุดผ่อนปรนในพื้นที่รับผิดชอบให้ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางปฏิบัติของการป้องกันโรคสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรฯตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
พร้อมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชายแดนเพื่อเพิ่มความเข้มงวดเฝ้าระวังป้องกันการเดินทางเข้าพื้นที่ของบุคคลจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาอย่างผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมาตรการป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเข้มงวด
ขณะที่จังหวัดเชียงราย นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ได้ประชุมเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)ตามแนวชายแดน หลังเมียนมามีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งแนวทางของจังหวัดเชียงรายจะยกระดับมาตรการเฝ้าระวังให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยกองกำลังผาเมืองได้ปฏิบัติการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ทั้งแรงงานต่างด้าว และคนที่ไทยที่ตกค้างในสหภาพเมียนมา ตามช่องทางตามแนวชายแดนโดยเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติการ เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ
พร้อมทั้งได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินลาดตระเวน ในสถานที่ล่อแหลม และติดตั้งไฟส่องสว่างแบบโซล่าเซลล์ ติดกล้องวงจรปิด CCTV พร้อมจัดกำลังพลประจำช่องทางหรือท่าข้าม เฝ้าหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง มีการติดตั้งรั้วลวดหนาม และปรับปรุงให้มีความแข็งแรงทนทาน ปิดล้อมและตรวจค้นแหล่งซ่อนพักพิงร่วมกับฝ่ายปกครอง ตลอดจนรณรงค์ประชาสัมพันธ์ส่งสัญญาณให้ประชาชนในพื้นที่แจ้งเบาะแส และกระจายข้อมูลข่าวสารด้วย
นอกจากนี้ สาธารณสุขจังหวัดเชียงรายยังได้แจ้งด้วยว่า มีการลงพื้นที่สุ่มตรวจประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทั้ง 4 อำเภอ ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด และการปฏิบัติการก็ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติการเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายมีพรมแดนติดต่อกับรัฐฉานทางภาคตะวันออก แม้สถานการณ์จะเกิดในรัฐยะไข่ทางด้านตะวันตก แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่สาย อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่จัน และอำเภอเชียงแสน ที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกัน ได้พบว่ามีผู้ลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ โดยไม่ผ่านกระบวนการกักตัวตามนโยบายของประเทศไทยจำนวนหนึ่ง