นายประสาน พัวพงศกร อายุ 70 ปี ประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) กล่าวว่า ที่เดินทางมายังสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะในวันที่ 25 กันยายน เพื่อมาขอขึ้นทะเบียนหน่วยบริการใหม่ โดยก่อนหน้านี้หลังจากที่มีข่าวสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยกเลิกสัญญากับคลินิกเอกชนที่มีการเบิกจ่ายค่าบริการทั้งที่ไม่ได้ให้บริการนั้น ซึ่งมีคลินิกที่ตนขึ้นทะเบียนหน่วยบริการประจำรวมอยู่ด้วย ได้เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา
ข่าวเกี่ยวข้อง
สปสช.เผยมีคลินิกใหม่กว่า 20 แห่งเข้าร่วมบริการบัตรทอง กทม.
9 รพ.สังกัดกทม.พร้อมดูแลปชช.กรณีสปสช.ยกลิกสัญญาคลินิก-รพ
สปสช.พบเพิ่มอีกทุจริต "บัตรทอง" 106 แห่ง
"ตอนแรกคิดว่าคงต้องเสียค่ารักษา เนื่องจากตนเองป่วยหลายโรค ทั้งลมชัก โรคหอบ และโรคอื่นอีก ต้องรับยาหลายรายการ แต่หลังจากที่คุณหมอตรวจเสร็จก็ให้ไปรับยาที่ห้องยา จากนั้นก็ได้รับใบแจ้งหนี้เป็นเงินจำนวน 1,766 บาท ซึ่งไม่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาเลย เพราะสามารถใช้สิทธิว่างที่เป็นสิทธิในระบบบัตรทองได้ และโรงพยาบาลแนะนำให้มาทำเรื่องขึ้นหน่วยบริการก่อนเพื่อที่จะเบิกจ่ายค่ารักษาได้ในครั้งต่อไป เลยต้องเดินทางมาวันนี้ "
อย่างไรก็ตามในวันนี้ได้รับการชี้แจงเพิ่มเติมจาก นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งได้ลงพื้นที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะบอกว่าสิทธิว่างบัตรทองก็เหมือนกับวีซ่า เป็นสิทธิพิเศษที่เข้ารักษาที่โรงพยาบาลสิทธิบัตรทองใดก็ได้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องมาขึ้นทะเบียนหรือเปลี่ยนหน่วยบริการใหม่ จนกว่า สปสช.จะจัดหาหน่วยบริการใหม่เข้าสู่ระบบให้ประชาชนเลือกได้ ดังนั้นวันนี้ก็ไม่ต้องรอคิวเปลี่ยนหน่วยบริการแล้ว กลับบ้านได้
“พอได้ข่าวว่าคลินิกที่รักษาประจำอยู่ถูกยกเลิก ผมเองก็ตกใจ แต่พอไปรักษาที่โรงพยาบาลพระปิ่นเกล้า ผมก็ใช้สิทธิว่างได้จริง ไม่ต้องจ่ายเงินเลย เชื่อว่าคนอื่นก็ใช้สิทธิว่างได้จริงเหมือนกันกับผม หลายคนที่รักษาอยู่เชื่อว่าพอได้ยินข่าวนี้ก็คงตกใจเหมือนผม เรื่องนี้ สปสช.ต้องอธิบายให้คนเข้าใจว่าสิทธิว่างนี้ใช้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ตื่นตระหนก วุ่นวายไปหมด เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาหน่วยบริการรองรับทั้งหมดในวันเดียว คนได้รับผลกระทบเป็นหลายแสน” ประชาชนสิทธิบัตรทอง กล่าว