ลดวันกักตัว -เปิดประเทศ หนทางสู่หายนะ -โรคระบาดรัวๆ

13 ต.ค. 2563 | 03:07 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ต.ค. 2563 | 10:14 น.

"หมอธีระ" ย้ำชัด ลดวันกักตัวจาก 10 หรือ 7 หรือน้อยวันกว่านั้น จะถูกแลกมาด้วยความเสี่ยงสูง แนะรัฐใช้ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ประคองไทยให้รอดในยามวิกฤติโควิดนี้

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก  "Thira Woratanarat "เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 โดยเปิดเผยว่า  สถานการณ์ทั่วโลก 13 ตุลาคม 2563...ช่วงสายๆ ทั่วโลกจะทะลุ 38 ล้านคน  เมื่อวานติดเพิ่มอีก 291,990 คน รวมแล้วตอนนี้ 37,997,477 คน ยอดตายรวม 1,084,483 คน


อเมริกา ยอดติดเชื้อเกิน 8 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวานติดเพิ่ม 42,180 คน รวม 8,029,445 คน 
อินเดีย ติดเพิ่ม 54,045 คน รวม 7,173,345 คน 


บราซิล ติดเพิ่ม 7,822 คน รวม 5,103,408 คน


รัสเซีย ติดเพิ่ม 13,592 คน รวม 1,312,310 คน จำนวนติดเชื้อต่อวันในระลอกใหมของรัสเซียนี้สูงกว่าระลอกแรก แต่จากข้อมูลของประเทศอื่นที่เจอระลอกสองแล้วมักมียอดติดเชื้อรายวันสูงสุดมากกว่าของเดิมราว 1.3-2.6 เท่า ระลอกแรกของเค้าสูงสุดคือ 11,656 คนต่อวัน จึงมีความเป็นไปได้ว่าจำนวนรายวันในครั้งนี้อาจสูงไปได้ถึง 15,000-30,000 คนต่อวันได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะควบคุมการระบาดได้ดีเพียงใด


อันดับ 5-10 ตอนนี้ยังคงเป็น โคลอมเบีย สเปน อาร์เจนตินา เปรู  เม็กซิโก และฝรั่งเศส ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายพันต่อวัน


สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเมียนมาร์ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหมื่นกว่า หลายต่อหลายประเทศในยุโรป รวมถึงแคนาดา ก็ยังติดกันหลักร้อยถึงหลักพัน 


ญี่ปุ่น และมาเลเซียติดเพิ่มกันหลายร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และออสเตรเลียติดเพิ่มกันหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ และเวียดนามยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ


มาเลเซีย ยอดติดเชื้อสูงสุดรายวันในระลอกสองนี้สูงกว่าระลอกแรก 2.49 เท่า ล่าสุดยังติดเกือบหกร้อยคนต่อวัน น่าเป็นห่วงมาก
 

สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังรุนแรง ติดเพิ่มไปอีกถึง 1,340 คน ตายเพิ่มอีก 18 คน ตอนนี้ยอดรวม 29,314 คน ตายไป 664 คน อัตราตายตอนนี้ 2.3% 


หลายประเทศในยุโรป รวมถึงอเมริกา กำลังพยายามเข็นมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยหาทางลดระยะเวลาการกักตัว มีข้อเสนอตั้งแต่ตรวจที่สนามบินแล้วปล่อยไปเลย หรือให้ไปรับผิดชอบกักตัวเองที่บ้าน หรือกักตัวที่บ้านพร้อมตรวจระหว่างกักตัวโดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง


หรือแม้แต่ความคิดบ๊องๆ แบบ "ฉันเชื่อใจเธอ เธอเชื่อใจฉัน เราจะไม่กักกัน เธอรับผิดชอบตัวเธอนะ" ก็ยังมีคนพยายามเสนอ


ไม่ว่าจะแนวทางไหน บอกได้เลยว่าจะนำไปสู่ "หายนะ" จะระบาดกันรัวๆ


อยากกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ว่า "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะประคองไทยให้อยู่รอดได้ในยามวิกฤติโรคระบาดนี้ 


โมเดลต่างๆ ที่ถูกอ้างมาเพื่อลดวันกักตัวนั้น ไม่ว่าจะลดลงเหลือ 10 หรือ 7 หรือน้อยวันกว่านั้นก็ตาม จะแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงมาก ไม่สามารถยอมรับได้ครับ


อดทน อดกลั้น อดออม พอเพียง ยืนบนขาตนเอง ลดการพึ่งพา...นี่คือหลักการดำเนินชีวิตที่พ่อสอนเราไว้ สำหรับรับมือกับสถานการณ์ดังเช่นปัจจุบันนี้


เรากู้เงินมามากแล้ว หากปล่อยให้ระบาดรอบสองตามเสียงธุรกิจการเมืองที่พยายามปั่นตัวเลขเศรษฐกิจแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เราจะไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการกู้คืนประเทศในอนาคตครับ


 

หากพิจารณาการดำเนินงานของหน่วยงานรอบตัวดีๆ จะพบว่าตอนนี้มาตรการต่างๆ อาจไม่ได้รับการถ่วงดุลการตัดสินใจอย่างเพียงพอ ยิ่งหากฝั่งหน่วยงานที่รับผิดชอบสุขภาพกลายไปมุ่งช่วยหาเงินอย่างเต็มตัวแล้ว ถือเป็นสัญญาณอันตรายแบบ Red flag ทั้งต่อรัฐและต่อประชาชนครับ


สำหรับประชาชนอย่างเรา ขอให้รักตัวเอง รักครอบครัว ป้องกันตัวเสมอ


สถานการณ์ปัจจุบันอันตราย สิ่งที่เราทำได้คือ "ใส่หน้ากากเสมอ" และ "คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ให้หยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจ"


คนที่ประกอบอาชีพที่ต้องค้าขาย ต้องบริการ ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติ ควรใส่หน้ากากเสมอ และพยายามรักษาระยะห่างเท่าที่ทำได้ หากไม่สบายต้องรีบไปตรวจ ด้วยรักต่อทุกคน