รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat "เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 โดยเปิดเผยว่า สถานการณ์ทั่วโลก 13 ตุลาคม 2563...ช่วงสายๆ ทั่วโลกจะทะลุ 38 ล้านคน เมื่อวานติดเพิ่มอีก 291,990 คน รวมแล้วตอนนี้ 37,997,477 คน ยอดตายรวม 1,084,483 คน
อเมริกา ยอดติดเชื้อเกิน 8 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวานติดเพิ่ม 42,180 คน รวม 8,029,445 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 54,045 คน รวม 7,173,345 คน
บราซิล ติดเพิ่ม 7,822 คน รวม 5,103,408 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 13,592 คน รวม 1,312,310 คน จำนวนติดเชื้อต่อวันในระลอกใหมของรัสเซียนี้สูงกว่าระลอกแรก แต่จากข้อมูลของประเทศอื่นที่เจอระลอกสองแล้วมักมียอดติดเชื้อรายวันสูงสุดมากกว่าของเดิมราว 1.3-2.6 เท่า ระลอกแรกของเค้าสูงสุดคือ 11,656 คนต่อวัน จึงมีความเป็นไปได้ว่าจำนวนรายวันในครั้งนี้อาจสูงไปได้ถึง 15,000-30,000 คนต่อวันได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะควบคุมการระบาดได้ดีเพียงใด
อันดับ 5-10 ตอนนี้ยังคงเป็น โคลอมเบีย สเปน อาร์เจนตินา เปรู เม็กซิโก และฝรั่งเศส ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายพันต่อวัน
สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเมียนมาร์ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหมื่นกว่า หลายต่อหลายประเทศในยุโรป รวมถึงแคนาดา ก็ยังติดกันหลักร้อยถึงหลักพัน
ญี่ปุ่น และมาเลเซียติดเพิ่มกันหลายร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และออสเตรเลียติดเพิ่มกันหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ และเวียดนามยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
มาเลเซีย ยอดติดเชื้อสูงสุดรายวันในระลอกสองนี้สูงกว่าระลอกแรก 2.49 เท่า ล่าสุดยังติดเกือบหกร้อยคนต่อวัน น่าเป็นห่วงมาก
สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังรุนแรง ติดเพิ่มไปอีกถึง 1,340 คน ตายเพิ่มอีก 18 คน ตอนนี้ยอดรวม 29,314 คน ตายไป 664 คน อัตราตายตอนนี้ 2.3%
หลายประเทศในยุโรป รวมถึงอเมริกา กำลังพยายามเข็นมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยหาทางลดระยะเวลาการกักตัว มีข้อเสนอตั้งแต่ตรวจที่สนามบินแล้วปล่อยไปเลย หรือให้ไปรับผิดชอบกักตัวเองที่บ้าน หรือกักตัวที่บ้านพร้อมตรวจระหว่างกักตัวโดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
หรือแม้แต่ความคิดบ๊องๆ แบบ "ฉันเชื่อใจเธอ เธอเชื่อใจฉัน เราจะไม่กักกัน เธอรับผิดชอบตัวเธอนะ" ก็ยังมีคนพยายามเสนอ
ไม่ว่าจะแนวทางไหน บอกได้เลยว่าจะนำไปสู่ "หายนะ" จะระบาดกันรัวๆ
อยากกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ว่า "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะประคองไทยให้อยู่รอดได้ในยามวิกฤติโรคระบาดนี้
โมเดลต่างๆ ที่ถูกอ้างมาเพื่อลดวันกักตัวนั้น ไม่ว่าจะลดลงเหลือ 10 หรือ 7 หรือน้อยวันกว่านั้นก็ตาม จะแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงมาก ไม่สามารถยอมรับได้ครับ
อดทน อดกลั้น อดออม พอเพียง ยืนบนขาตนเอง ลดการพึ่งพา...นี่คือหลักการดำเนินชีวิตที่พ่อสอนเราไว้ สำหรับรับมือกับสถานการณ์ดังเช่นปัจจุบันนี้
เรากู้เงินมามากแล้ว หากปล่อยให้ระบาดรอบสองตามเสียงธุรกิจการเมืองที่พยายามปั่นตัวเลขเศรษฐกิจแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เราจะไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการกู้คืนประเทศในอนาคตครับ
หากพิจารณาการดำเนินงานของหน่วยงานรอบตัวดีๆ จะพบว่าตอนนี้มาตรการต่างๆ อาจไม่ได้รับการถ่วงดุลการตัดสินใจอย่างเพียงพอ ยิ่งหากฝั่งหน่วยงานที่รับผิดชอบสุขภาพกลายไปมุ่งช่วยหาเงินอย่างเต็มตัวแล้ว ถือเป็นสัญญาณอันตรายแบบ Red flag ทั้งต่อรัฐและต่อประชาชนครับ
สำหรับประชาชนอย่างเรา ขอให้รักตัวเอง รักครอบครัว ป้องกันตัวเสมอ
สถานการณ์ปัจจุบันอันตราย สิ่งที่เราทำได้คือ "ใส่หน้ากากเสมอ" และ "คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ให้หยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจ"
คนที่ประกอบอาชีพที่ต้องค้าขาย ต้องบริการ ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติ ควรใส่หน้ากากเสมอ และพยายามรักษาระยะห่างเท่าที่ทำได้ หากไม่สบายต้องรีบไปตรวจ ด้วยรักต่อทุกคน