วันนี้ ( 26 ตุลาคม 63 ) อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเพจ " อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ " แนะการเลือกใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 และฝุ่น PM 2.5 พร้อมกันในตัว ในราคาไม่แพงและหาซื้อกันได้ ข้อความดังนี้....
เชื้อไวรัส covid ก็กลัว ฝุ่น PM 2.5 ก็มา จะใส่หน้ากากแบบไหนดี ? ลองใส่ 2 ชั้นอย่างนี้ก็ได้นะครับ"
ดูจากสถานการณ์ล่าสุด จะเห็นว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 นั้นน่าจะยังคงมีต่อไปเรื่อยๆ และอาจจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เมื่อประเทศไทยเริ่มเปิดประเทศให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่สัญญาณการเพิ่มขึ้นของฝุ่น PM 2.5 ในบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็กลับมาเยี่ยมเยียนพวกเราอีกครั้ง เมื่อหมดฤดูฝน เข้าฤดูหนาว และอากาศเริ่มหยุดนิ่ง ทำให้กระแสลมไม่สามารถพัดฝุ่นออกไปนอกเมืองได้
คำถามคือ เราจะใส่หน้ากากแบบไหน ถึงจะสามารถรองรับสถานการณ์ได้ทั้งสองอย่าง และยังอยู่ในราคาที่ไม่แพงเกินไป ที่จะหาซื้อกันได้
1. แน่นอนว่าหน้ากากที่ป้องกันทั้งฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสโควิดได้ผลดีที่สุด คือ หน้ากากแบบ n95 ที่มีความละเอียดสูงมาก และรูปทรงครอบหน้ากระชับแน่นมาก แต่มีราคาแพง และทำให้หายใจลำบากมาก เหมาะกับคนที่ต้องทำงานกับคนไข้ที่อาจติดเชื้อ และคนที่ต้องอยู่กับฝุ่นที่มีปริมาณสูง เท่านั้น
2. ส่วนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ที่เป็นผ้าพลาสติกสังเคราะห์หลายชั้น และป้องกันละอองน้ำลายของคนที่ไอจามออกไป ได้เป็นอย่างดี (เป้าหมายจริงๆ ของการใส่หน้ากาก ที่รณรงค์กันนั้น ไม่ใช่ป้องกันการหายใจเอาไวรัสเข้าไป แต่จะเป็นการป้องกันไม่ให้น้ำลายของคนไข้กระเด็นออกมา) แม้ว่าจะหายใจได้สะดวก ราคาประหยัด-ใช้แล้วทิ้งได้ และมีความละเอียดสูง (รองลงมาจากหน้ากาก n95) แต่ไม่สามารถครอบใบหน้าได้อย่างแน่นหนา ทำให้มีช่องที่เราจะหายใจเอาอากาศและฝุ่น PM 2.5 ที่มากับอากาศ ซึ่งมีขนาดเล็กมาก เข้าไปได้โดยง่าย
3. ส่วนหน้ากากผ้าที่รณณรงค์ให้ใส่กัน มีความละเอียดของเส้นใยผ้าต่ำมาก แม้ว่าจะตัดเย็บเข้ากับใบหน้าได้ดี ก็ยังทำให้หายใจเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้โดยง่าย
4. แต่จากที่เคยมีการทดลองในปีก่อนๆ พบว่า ถ้าใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ซ้อนกัน 2 ชั้น ความหนาของการกรอง 2 ชั้นนั้นจะสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ในระดับที่น่าพอใจ (แม้ว่ารูปทรงจะยังไม่ค่อยแนบหน้าก็ตาม)
5. วิธีการที่ผมประยุกต์ใช้โดยส่วนตัวก็คือ ใส่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ไว้ด้านใน แล้วใช้หน้ากากผ้าใยสังเคราะห์ ที่เป็นลักษณะ 3 มิติเข้ากับใบหน้า สวมทับอีกชั้น กดให้หน้ากากแนบกับหน้าไว้ ... สังเกตว่าเวลาหายใจจะลำบากขึ้นกว่าการใส่หน้ากากอนามัยการแพทย์ธรรมดา เวลาหายใจเข้าจะรู้สึกได้ถึงการดูดของหน้ากากเข้ามาแนบกับใบหน้า ซึ่งถือว่าใช้ได้แล้ว ... ข้อดี คือสามารถถอดหน้ากากด้านในทิ้งได้ โดยที่ยังเก็บหน้ากากด้านนอกเอาไว้หรือซักได้ด้วย
ใครมีไอเดียอื่นๆ หรือหน้ากากรุ่นอื่น ก็ลองเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละท่านนะครับ ... เพียงแค่อย่าประมาท ใส่หน้ากากแบบไม่ถูกหลัก (เช่น ปิดปากแต่เปิดจมูก ) อย่างนั้นก็จะไม่ช่วยอะไรเลยนะ