ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา นายสันติธร ยิ้มละมัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย(มท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ก.จ.) , คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท.) และ คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล (ก.อบต.) ได้มีหนังสือ เรื่อง สํารวจบุคลากรด้านสาธารณสุขสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถึง ประธาน ก.จ.จ. ก.ท.จ. ก.อบต. ทุกจังหวัด และ ก.เมืองพัทยา พร้อมส่งแบบสํารวจข้อมูลบุคลากรด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ด้วย
โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า ด้วยคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ก.จ.) ในการประชุมครั้งที่ 6/2563 เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท.) และคณะกรรมการกลาง พนักงานส่วนตําบล (ก.อบต.) ในการประชุมครั้งที่ 7/2563 เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 มีมติให้สํารวจข้อมูล รายชื่อลูกจ้างประจําและพนักงานจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่จ้างด้วยเงินงบประมาณขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และได้รับมอบหมายให้ทําหน้าที่ให้บริการสาธารณสุขตามบทบาทภารกิจบริการด้านสุขภาพ ของส่วนราชการ รวมถึงที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือได้รับ มอบหมายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. 2554 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 และ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2563
ในการนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมติ ก.จ. ก.ท. และ ก. อบต. ดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอให้ ก.จ.จ. ก.ท.จ. ก.อบต. และ ก.เมืองพัทยา แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) สํารวจข้อมูลรายชื่อ ลูกจ้างประจําและพนักงานจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จ้างด้วยเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทําหน้าที่ให้บริการสาธารณสุขตามบทบาทภารกิจบริการด้านสุขภาพของส่วนราชการ และที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
หรือได้รับมอบหมาย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2554 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 และ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2563 ในตําแหน่งนายแพทย์ เภสัชกร พยาบาล วิชาชีพ นักรังสีการแพทย์ นักเทคนิคการแพทย์ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เจ้าพนักงาน รังสีการแพทย์ เจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ เจ้าพนักงานเภสัชกรรม พยาบาลเทคนิค และเจ้าพนักงานสาธารณสุข ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
ทั้งนี้ ให้จัดส่งข้อมูลพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สัญญาจ้าง พนักงานจ้าง คําสั่งมอบหมายงาน และคําสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มายังสํานักงาน ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“ขรก.ส่วนท้องถิ่น”เฮ เลื่อนเงินเดือน 2 ขั้นเป็นกรณีพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสั่งสำรวจดังกล่าว น่าจะเป็นการเตรียมการสำหรับการให้ “ค่าตอบแทนพิเศษ” หรือ “เงินเพิ่มพิเศษ” แก้บุคคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีส่วนช่วยป้องกันและแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่ นายพิพัฒน์ วรสิทธิดำรง นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า เรื่องการเลื่อนขั้น 2 ขั้นโควิด ได้ส่งเรื่องหารือ ก.พ. แล้วรอการตอบกลับ
ก่อนหน้านี้ เคยมีหนังสือหนังสือจากกระทรวงการคลัง เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่าย “เงินเพิ่มพิเศษ” สำหรับบุคลากรสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงนามโดย นายฉัตรกฤตดิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2563
โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 เห็นชอบให้บุคลากรสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้รับเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน สำหรับหลักเกณฑ์การได้รับเงินเพิ่มพิเศษสำหรับบุคลากรสาธารณสุขให้กระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลางจัดทำระเบียบเกณฑ์เพื่อรองรับการเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษโดยอาจกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้สอดคล้องกับกฎหมายหรือระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินอื่นที่กำหนดให้จ่ายเป็นรายเดือน
ทั้งนี้ให้นำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปใช้บังคับโดยอนุโลมกับข้าราชการทหารข้าราชการตำรวจ ข้าราชการและพนักงานมหาวิทยาลัยในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น และบุคลากรภาครัฐอื่นที่ปฎิบัติงานด้านสาธารณสุขในสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้
กระทรวงการคลังขอเรียนว่า เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้นและเพื่อให้การเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสำหรับบุคลากรสาธารณสุขมีความชัดเจนและเกิดความเป็นธรรมนั้น จึงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสำหรับบุคลากรสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขึ้นโดยให้ส่วนราชการถือปฏิบัติดังนี้
1.การเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษตามหลักเกณฑ์นี้ “บุคลากร สาธารณสุข“ หมายถึง ข้าราชการพนักงานราชการพนักงานกระทรวงสาธารณะสุข ลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
“ผู้ปฏิบัติงานโดยตรง” หมายความว่าบุคลากรสาธารณสุขผู้ซึ่งมีความเสี่ยงในการปฏิบัติงานใกล้ชิดและสัมผัสผู้ป่วยโดยตรงเช่นผู้ปฏิบัติงานในสถานบริการหรือหน่วยบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขคัดกรองผู้ป่วยในโรงพยาบาลและผู้ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบปฏิบัติงานในการเฝ้าระวังสอบสวนป้องกันควบคุมและรักษาผู้ป่วยโดยผู้ป่วยเลือกงานในกลุ่มนี้ประกอบด้วยผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆที่เกี่ยวข้องเช่นแพทย์พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ นักรังสีการแพทย์ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นต้น
“ผู้ปฏิบัติงานสนับสนุน” หมายความว่า บุคลากรสาธารณสุขผู้ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่า เช่น ผู้ผลิตงานวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความรู้เรื่องระบาดวิทยาพยากรณ์สถานการณ์ระบาดในอนาคตเพื่อป้องกันโรคล่วงหน้าและนำข้อมูลไปประกอบการประเมินสถานการณ์รายวัน รวมทั้งจัดทำข้อมูลเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบและผู้ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานด้านระบาดวิทยา การเฝ้าระวังการป้องกันเพื่อการควบคุมโรคติดต่อในเขตท้องที่ที่ตนมีอำนาจหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการโดยผู้ปฏิบัติงานในกลุ่มนี้จะประกอบไปด้วยผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น เภสัชกรนักจิตวิทยา นักโภชนาการ ผู้ช่วยพยาบาล เป็นต้น
2. ให้บุคลากรสาธารณสุขได้รับเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนในอัตราดังนี้
2.1 ผู้ปฏิบัติงานโดยตรงได้รับอัตรตราเดือนละ 1,500 บาท
2.2 ผู้ปฏิบัติงานสนับสนุนได้รับในอัตราเดือนละ 1,000 บาท
3.การเบิกและการจ่ายเงินเพิ่ม พิเศษรายเดือนตามข้อ 2.ให้เบิกพร้อมกับการเบิกและจ่ายเงินเดือนให้หัวหน้าสวนราชการจัดให้มีการตรวจสอบผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนตามหลักเกณฑ์นี้ให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันก่อนดำเนินการขอเบิกเงิน
4. ผู้ตรวจสอบภายในของส่วนราชการมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของการใช้จ่ายเงินตามหลักเกณฑ์นี้
5.กรณีที่สวนราชการใดไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ได้ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง
6. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนให้นำหลักเกณฑ์นี้ไปใช้บังคับโดยอนุโลมกับข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการและพนักงานมหาวิทยาลัยในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น และบุคลากรภาครัฐอื่นที่ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในลักษณะเช่นเดียวกันนี้