นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) วัคซีนแห่งชาติว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. เพิ่มจำนวนวัคซีนจากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2565 2. เร่งทำงานเชิงรุกเพื่อให้การเจรจาจัดซื้อวัคซีนให้คืบหน้ารวดเร็ว ซื้อให้ได้มากที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสรับวัคซีนที่ดีที่สุดครอบคลุมถึงการกลายพันธุ์หรือสายพันธุ์อื่นๆ 3. การปรับแนวทางการฉีดวัคซีนให้ปูพรมฉีดเข็มแรกให้กับประชาชนให้มากที่สุด เพื่อเป็นการ ลดโอกาสในการติดเชื้อและความรุนแรงของโรค เพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตให้เข้าถึงวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว
บอร์ดวัคซีนแห่งชาติ ยังมีมติให้ปรับแผนการฉีดวัคซีน ปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชน โดยเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนนี้ ผ่าน 3 ช่องทาง คือ
1. กลุ่มที่มีการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นหรือ ไลน์แอด หมอพร้อม
2. การจัดขอเข้ารับวัคซีนเป็นกลุ่มหมู่คณะ เช่น ในโรงงานหรือสถานประกอบการขนาดใหญ่
3. เปิดให้ประชาชนทั่วไป ได้เลยโดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า ตามจุดบริการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาสำหรับประชาชนบางกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี หรือติดปัญหาในการจองฉีดวัคซีน ให้เข้าถึงได้มากที่สุด
นอกจากนั้น ที่ประชุมได้รับทราบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินและทรัพย์สินให้กับสถาบันวัคซีนแห่งชาติในการสนับสนุนการวิจัยการผลิตและการกระจายวัคซีนให้มีคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนบริษัทห้างร้านต่างๆที่มีจิตศรัทธาจะสนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค
สำหรับ วัคซีนที่ภาคเอกชนกำลังจัดหาเพื่อเป็นทางเลือกในขนาดนี้ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการขององค์การเภสัชกรรมในการประสานข้อมูลทั้งนี้ต้องเป็นวัคซีนที่ผ่านการขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยาแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถนำเข้าได้
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า แผนการปูพรมฉีดวัคซีนให้ประชาชนนั้น ทางกรมควบคุมโรคมีแผนต้องฉีดวัคซีนในครอบคลุม 70% ของจำนวนประชาชนในแต่ละจังหวัด โดยพื้นที่ซึ่งมีการระบาดเช่นกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แต่ก็เป็นไปตามความสมัครใจในการรับวัคซีน
ส่วนแผนที่จะให้ประชาชนสามารถเข้ามารับวัคซีนได้โดยไม่ต้องนัดหมายนั้น จะเน้นกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้มีประวัติการรักษาในสถานพยาบาล เป็นบุคคลกลุ่มอาชีพเสี่ยงเช่นกลุ่มพนักงานขับรถโดยสาร คนขับรถแท็กซี่ โดยสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนตามจุดต่างๆ ที่จัดให้เป็นจุดวัคซีน ซึ่งเป็นสถานที่เปิดโล่งมีระบบระบายอากาศมีระบบระบายอากาศและรองรับคนจำนวนมากได้เพื่อลดความแออัดเช่นสถานีกลางบางซื่อ จามจุรีสแควร์ เซ็นทรัลลาดพร้าว เดอะมอลล์บางกะปิ
ทั้งนี้จะมีการแบ่งสัดส่วนของการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในแต่ละจุดแตกต่างกันตาม สถานการณ์และการประเมินของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนั้นๆ เช่น อาจกำหนดให้กลุ่มที่มีการนัดหมายผ่าน LINE แอดหมอพร้อมหรือแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม 30% กลุ่มประชาชนที่ทางโรงพยาบาลประสาน 50% และผู้ที่เดินทางเข้ารับวัคซีนด้วยตนเอง โดยมิได้นัดหมาย 20% โดยการเข้ารับวัคซีนนั้นจะใช้เกณฑ์ตามข้อบ่งชี้การใช้ทางการแพทย์ ไม่มีการเลือกยี่ห้อวัคซีนเองได้
“จังหวัดไหนมีความพร้อม ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งหลังการเข้ารับวัคซีนแล้วประชาชนต้องลงทะเบียน เพื่อติดตามผลและประเมินอาการผ่านแอพพลิเคชั่นหรือ LINE แอด หมอพร้อม ส่วนกรณีไม่มีแอพพลิเคชั่นในการติดตามผลจะมีเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขหรือโรงพยาบาลเป็นผู้ติดตามอาการหลังการรับวัคซีน”
ส่วนกลุ่มอื่น เช่น กลุ่มเปราะบางกลุ่มคนด้อยโอกาส ทุกคนต้องได้รับวัคซีน แน่นอน แต่อยู่ในระหว่างจัดทำแผนรองรับเพื่อความมั่นใจในการเข้ารับวัคซีน ที่ปลอดภัย ชาวต่างที่อยู่ในประเทศไทย จะประสานผ่านทางกระทรวฃการต่างประเทศในการแจ้งเข้ารับวัคซีน ส่วนกลุ่มแรงงานต่างด้าวจะจัดฉีดวัคซีนในกลุ่มที่มีโอกาสเกิดการระบาดเช่นในโรงงานขนาดใหญ่ ตลาดใหญ่ เพื่อการควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่นั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: