รัฐมนตรีแรงงานย้ำนโยบายรัฐ ดูแลความปลอดภัยแรงงานในภาวะโควิด-19 ระบาด ขยายเวลาลูกจ้างต่างด้าวตามมติครม.29 ธ.ค.2563 ทำเรื่องขออนุญาตทำงานในไทยได้ถึง 13 ก.ย. ย้ำไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหลบซ่อน กำชับนายจ้าง ห้ามเคลื่อนย้ายให้อยู่ในที่ตั้ง สกัดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เผยเตรียมใช้เงินกองทุนบริหารฯแรงงานต่างด้าว จัดหาวัคซีนมาฉีดให้
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลมอบนโยบาย ให้กระทรวงแรงงานบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพและชีวิต ของทั้งแรงงานต่างด้าวและแรงงานไทยในสถานประกอบการ รวมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับชุมชน และประชาชนโดยรวม ซึ่งเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 64 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบขยายเวลาดำเนินการ ให้ต่างด้าวกลุ่มมติ 29 ธ.ค. 2563 ตรวจโควิด-19 พร้อมทำประกันสุขภาพ และยื่นขออนุญาตทำงาน (บต.48) ออกไปถึง 13 ก.ย. 2564 เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ที่กระทบต่อการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ โดยเฉพาะขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ ณ สถานพยาบาล ที่ซึ่งแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ จำต้องทุ่มเทเวลา และสถานที่ที่มีจำกัดไปกับผู้ติดเชื้อที่ยังทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานขอย้ำว่า นายจ้าง/สถานประกอบการไม่ต้องกังวลใจ แรงงานต่างด้าวตามมติครม. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ สามารถอยู่และทำงานได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหลบหนีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ขอให้อยู่ในจังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งสถานประกอบการที่ได้ขออนุญาตไว้ เพราะหากตรวจพบว่ามีการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยมิได้รับอนุญาต นอกจากเสี่ยงเป็นเหตุแพร่ระบาดโรคโควิด – 19 แล้ว ยังอาจมีความผิดตามพรบ.โรคติดต่อ และพรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ด้วย กรณีจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายแรงงาน ขอให้ติดต่อขออนุญาตผ่านทางสำนักงานจัดหางานจังหวัด และปฏิบัติตามมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนั้น ๆ สำหรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เสี่ยง เราจะลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุก และในกลุ่มเสี่ยงจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 โดยใช้งบจากกองทุนเพื่อการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ” นายสุชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตามยังขอให้นายจ้าง/สถานประกอบการ ติดตามข่าวสารจากกรมการจัดหางาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการตามมติครม. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 โดยตรวจคัดกรองโรคโควิด - 19 พร้อมทำประกันสุขภาพ และยื่นขออนุญาตทำงาน (บต. 48) กับกรมการจัดหางานผ่านระบบออนไลน์ ภายในวันที่ 13 ก.ย. 64 ยื่นผลการตรวจโรคต้องห้าม 6 โรค ภายในวันที่ 18 ต.ค. 64 และจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ภายในวันที่ 31 มี.ค. 65 ในส่วนคนต่างด้าวที่ลงทะเบียนแบบไม่มีนายจ้าง ให้ขยายระยะเวลาการ จัดทำทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (ทร. 38/1) ถึงวันที่ 31 มี.ค. 65
ทั้งนี้ กรมการจัดหางาน ฝากถึงนายจ้าง/สถานประกอบการ อย่ารับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หากไม่มีการจ้าง ย่อมไม่มีการลักลอบเข้ามาทำงาน ซึ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 การลักลอบเข้ามาของแรงงานที่ไม่ได้ผ่านการตรวจคัดกรองโรค อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อตัวนายจ้าง/สถานประกอบการ และกิจการ ตลอดจนชุมชนใกล้เคียงจนถึงระดับประเทศได้ ซึ่งกรมการจัดหางานจะตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีกับคนต่างด้าว และนายจ้างที่กระทำความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำหรับนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง