ภายหลังประกาศการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558(ฉบับที่ 1 )พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพรพ.ฉุกเฉิน ออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการโดยมีรายละเอียดดังนี้
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ แล้ว นั้น เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็วและป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ ร้ายแรงมากขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๘ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกําหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและเงื่อนเวลา ดังต่อไปนี้
๑ การห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่หรือสถานที่ซึ่งมีความเสี่ยง ต่อการติดต่อเชื้อโรคโควิด-19 ตามที่กําหนดในมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ หรือตามที่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้ประกาศหรือสั่ง ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไว้ก่อนวันที่ข้อกําหนดนี้ใช้บังคับและที่ทางราชการจะ ประกาศ ให้ทราบต่อไป ในกรณีที่ได้รับการผ่อนผัน ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการ กําหนดในข้อ ๑๑ ให้ถือว่าประกาศหรือคําสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามวรรคหนึ่ง เป็นคําสั่งตามข้อกําหนดนี้
|
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ คุมระบาดโควิด
ข้อ ๒ การปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดต่อโรค ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่า ราชการจังหวัดทุกจังหวัดออกคําสั่งโดยอาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓๕ (๑) แห่งพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ พิจารณาสั่งปิดสถานที่ซึ่งมีคนจํานวนมากไปทํากิจกรรมร่วมกันและเสี่ยงต่อการ แพร่เชื้อโรคโควิด-19 เป็นการชั่วคราว แต่อย่างน้อยให้สั่งปิดสถานที่ดังต่อไปนี้
(๑) สนามมวย สนามกีฬา สนามแข่งขัน สนามเด็กเล่น สนามม้า ในทุกจังหวัด ทั่วราชอาณาจักร จนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่น
(๒) ผับ สถานบริการ สถานที่แสดงมหรสพ สถานที่มีการแสดงหรือการละเล่นสาธารณะ สถานประกอบการ อาบ อบ นวด และนวดแผนโบราณ สปา สถานที่ออกกําลังกาย ฟิตเนส) สถานบันเทิง ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. ๒๕๐๙ พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๔ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่น
(๓) สถานที่อื่นนอกจากนี้ เช่น แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ พิพิธภัณฑสถาน ห้องสมุด สาธารณะ ศาสนสถาน สถานีขนส่งหรือโดยสาร ตลาด ห้างสรรพสินค้า ให้พิจารณาโดยสั่งปิดเฉพาะส่วน หรือทั้งหมดและอาจกําหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาตามความจําเป็นและเหมาะสมโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกรุงเทพมหานครแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงโอกาสเสี่ยงต่อการ ติดต่อโรค ความจําเป็นของประชาชนในการจัดหาสิ่งอุปโภคบริโภคและการเดินทาง โดยเฉพาะใน ระยะแรกซึ่งต้องมีการเตรียมตัวหรือปรับตัว ในกรณียังไม่ได้มีคําสั่งให้ปิดสถานที่ใด ให้เจ้าของหรือผู้ดูแล สถานที่นั้นจัดให้มีมาตรการคัดกรองและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกําหนด ในข้อ ๑๑ หรือจัดระบบให้สอดคล้องกับมาตรการดังกล่าวให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้
ข้อ ๓ การปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร ในการใช้ยานพาหนะไม่ว่าจะเป็นอากาศ ยาน เรือ รถยนต์ หรือพาหนะอื่นใด หรือในการใช้เส้นทางคมนาคมไม่ว่าทางอากาศ ทางน้ํา หรือทางบก เพื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบปิดช่องทางเข้าออก ด่าน จุดผ่านแดน หรือ จุดผ่อนปรนตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อและกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง สําหรับผู้โดยสารหรือผู้ที่ เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เว้นแต่
(๑) เป็นกรณีหรือผู้มีเหตุยกเว้นตามที่นายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการ แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกําหนด หรืออนุญาตตามความจําเป็นโดยอาจกําหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาก็ได้
(๒) เป็นผู้ขนส่งสินค้าตามความจําเป็น แต่เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้กลับออกไปโดยเร็ว
(๓) เป็นผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจํายานพาหนะ ซึ่งจําเป็นต้องเดินทาง เข้ามาตามภารกิจและมีกําหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชัดเจน
(๔) เป็นบุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาลที่มา ปฏิบัติงานในประเทศไทย หรือเป็นบุคคลหรือหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นตามที่กระทรวงการต่างประเทศ อนุญาตตามความจําเป็น ตลอดจนบุคคลในครอบครัวของบุคคลดังกล่าวโดยติดต่อกระทรวงการ ต่างประเทศเพื่อออกหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้โดยแสดงเอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามวรรคสอง
(๕) เป็นผู้ไม่มีสัญชาติไทยแต่มีใบอนุญาตทํางานหรือได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ ทํางานในราชอาณาจักร และปฏิบัติตามวรรคสอง
(๖) เป็นผู้มีสัญชาติไทย ในกรณีเช่นนี้ให้ติดต่อสถานทูตไทยหรือสถานกงสุลไทยใน ประเทศที่พํานักเพื่อออกหนังสือรับรอง หรือมีใบรับรองแพทย์ และปฏิบัติตามวรรคสอง โดยให้สถานทูต ไทยและสถานกงสุลไทยในต่างประเทศให้ข้อมูลและอํานวยความสะดวกแก่ผู้มีสัญชาติไทยในการ เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักร
บุคคลซึ่งได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันตาม (๔) (๕) หรือ (๖) ต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit to Fly Health Certificate) ซึ่งได้รับการ ตรวจรับรองหรือออกให้มีระยะเวลาไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และเมื่อเข้ามาในราชอาณาจักร แล้วต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกําหนดในข้อ ๑๑ โดยอนุโลม
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีอํานาจปฏิเสธไม่ให้ผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่ตรวจพบหรือต้อง สงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ยินยอมให้ตรวจ เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วย คนเข้าเมืองได้
ข้อ ๔ การห้ามกักตุนสินค้า ห้ามผู้ใดกักตุนสินค้าซึ่งเป็นยา เวชภัณฑ์ อาหาร น้ําดื่ม หรือสินค้าอื่นที่จําเป็นต่อการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจําวันไม่ว่าจะเป็นสินค้าควบคุมตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือไม่ก็ตาม สําหรับกรณีที่เป็นสินค้าควบคุม การผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ ปริมาณการผลิต การควบคุมราคาจําหน่ายและการส่งออกไปนอก ราชอาณาจักรให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างพอเพียงและ ไม่เกิดภาวะขาดแคลนหรือเดือดร้อนเกินสมควร โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตรวจและควบคุมดูแล ผู้ประกอบการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดตามพระราชบัญญัติสํารวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๙๗ และ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๕ การห้ามชุมนุม ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทํากิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทําการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ภายใน เขตพื้นที่ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงประกาศกําหนด
ข้อ ๖ การเสนอข่าว ห้ามการเสนอข่าวหรือทําให้แพร่หลายทางสื่อต่างๆ ซึ่งมีข้อความ หรือข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) อันไม่เป็นความจริงและอาจทําให้ ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารดังกล่าวอันทําให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ในกรณีเช่นนี้ให้เจ้าหน้าที่เตือนให้ระงับหรือสั่งให้แก้ไขข่าว หรือหากเป็นกรณีที่มีผลกระทบรุนแรง ให้ดําเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ หรือ พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘
ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด-19) เป็นศูนย์กลางจัดให้มีการแถลงหรือชี้แจงข่าว ณ ทําเนียบรัฐบาลเพื่อสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ ประชาชนเป็นประจําและต่อเนื่อง ในกรณีจําเป็นจะขอความร่วมมือจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจด้วยก็ได้
ข้อ ๗ มาตรการเตรียมรับสถานการณ์
(๑) ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็นผู้กํากับการ บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทุกมิติในเขตท้องที่ที่ตนรับผิดชอบ หากมีปัญหาให้รายงาน กระทรวงมหาดไทย
(๒) ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งกําหนดและประชาสัมพันธ์เผยแพร่มาตรการเพื่อ ช่วยเหลือหรือบรรเทาผลกระทบอันเกิดจากการบังคับใช้มาตรการของรัฐต่อประชาชนตามหน้าที่และ อํานาจโดยพิจารณาใช้งบประมาณของตนเองเป็นอันดับแรก ในกรณีไม่อาจดําเนินการได้ให้เสนอหรือ ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล
(๓) ให้โรงพยาบาล สถานพยาบาลหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่และอํานาจในการป้องกัน และดูแลรักษาผู้ป่วยทั้งภาครัฐและเอกชน จัดหายา เวชภัณฑ์ เครื่องมือในการตรวจโรค เครื่องช่วยใน การหายใจและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จําเป็นให้เพียงพอตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนดหรือ แนะนํา ทั้งนี้ ให้รวมถึงการเตรียมบุคลากรทางการแพทย์จากแหล่งต่าง ๆ และการเตรียมสถานที่กักกัน สถานที่คุมไว้สังเกตหรือเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาจเพิ่มจํานวนขึ้นโดยขอความร่วมมือดัดแปลงสถานที่ ต่าง ๆ เช่น โรงแรม โรงเรียน มหาวิทยาลัย หอประชุม สถานที่ปฏิบัติธรรม ศาลาวัด อาคารของเอกชนที่ ยังไม่ได้ใช้งานหรือสถานที่ราชการ สถานที่เอกชนอื่น ๆ เป็นโรงพยาบาลชั่วคราว
(๔) ในการกักกันตัวเองไว้สังเกตอาการตามคําสั่งหรือคําแนะนําของเจ้าหน้าที่หรือเป็น ผู้เดินทางข้ามเขตมาจากพื้นที่จังหวัดอื่นให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อที่ผู้ว่า ราชการจังหวัดจัดตั้งขึ้น หรืออาสาสมัครที่ปฏิบัติงานให้แก่ทางราชการสามารถเข้าตรวจสอบการเฝ้า ระวังหรือความเข้มงวดจริงจังในการกักกันตนเองและให้คําแนะนําวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องได้ ในกรณีนี้อาจ ขอความร่วมมือจากประชาชนในท้องถิ่นให้ช่วยตรวจสอบด้วยก็ได้
ในกรณีตาม (๓) ให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบทางราชการ โดยให้กระทรวง สาธารณสุข กรมบัญชีกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณายกเว้นหรือผ่อนผันตามอํานาจที่มีอยู่
ข้อ ๘ มาตรการพึงปฏิบัติสําหรับบุคคลบางประเภท ให้กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงต่อ การติดเชื้อโรคโควิด-19 ได้ง่ายดังต่อไปนี้ อยู่ในเคหสถานหรือบริเวณสถานที่พํานักของตน เพื่อป้องกัน ตนเองจากการติดเชื้อจากสภาพแวดล้อมภายนอก
(๑) ผู้สูงอายุตั้งแต่เจ็ดสิบปีขึ้นไป
(๒) กลุ่มคนที่มีโรคประจําตัว ได้แก่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคในระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ซึ่งมี ภูมิคุ้มกันต่ําตามธรรมชาติของโรคและด้วยยาที่ใช้รักษา
(๓) กลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุต่ํากว่าห้าปีลงมา
ทั้งนี้ เว้นแต่บุคคลดังกล่าวมีความจําเป็นเพื่อการพบแพทย์ การรักษาพยาบาล การปฏิบัติหน้าที่แพทย์พยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์ การปฏิบัติงานหรือการทําธุรกรรมเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์และสถาบันการเงิน ตู้เอทีเอ็ม การสื่อสารมวลชน โทรคมนาคมและไปรษณีย์ การให้บริการขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าเพื่อการบริโภค อุปโภค การจัดหาและซื้อขายอาหาร การติดต่อด้านคดีกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ พนักงานอัยการหรือศาลตามความจําเป็นหรือการเป็นเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกําหนด ประกาศ หรือคําสั่งต่าง ๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจําเป็นอื่น ๆ โดยได้รับ อนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งหรือมอบหมาย เว้นแต่จะมีประกาศผ่อนผันหรือกําหนด เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาเป็นประการอื่น ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการ กําหนดในข้อ ๑๑
ข้อ ๙ มาตรการเกี่ยวกับการออกนอกราชอาณาจักร ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และสํานักงานตํารวจแห่งชาติเข้มงวดในการตรวจลงตราหรือออกวีซ่าหรืออนุญาต ให้ชาวต่างประเทศซึ่งมิได้มีกิจการงานปกติหรือถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรยังคงอยู่ในราชอาณาจักร
บุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยหรือไม่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรซึ่งประสงค์จะเดินทางออก นอกราชอาณาจักรจะได้รับการอํานวยความสะดวกในการเดินทางโดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน โรคตามที่ทางราชการกําหนดในข้อ ๑๑ โดยอนุโลม
ข้อ ๑๐ มาตรการดูแลความสงบเรียบร้อย ในกรุงเทพมหานคร ให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดเวรยามหรือตั้งจุดตรวจตามถนน เส้นทางคมนาคม สถานีขนส่งหรือโดยสาร เพื่อป้องกัน อุบัติเหตุ การก่ออาชญากรรม และการรวมกลุ่มชุมนุมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค หรือการกระทําอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ําเติมความเดือดร้อนของประชาชนหรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่ เชื้อโรค และหากพบเห็นการกระทําดังกล่าวให้ดําเนินคดีตามกฎหมายทันที
ในจังหวัดอื่นนอกกรุงเทพมหานครให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง หรือสํานักงานตํารวจแห่งชาติพิจารณาตามความเหมาะสม แต่อย่างน้อยให้ มีมาตรการตั้งด่านตรวจหรือจุดสกัดดูแลการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัดเพื่อจัดระเบียบการเดินทาง การจราจร การเฝ้าระวังหรือสังเกตอาการผู้เดินทาง และพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดต่อโรคเพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามข้อนี้ ผู้รับผิดชอบตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง อาจขอ ความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. หรืออาสาสมัครเพื่อปฏิบัติการร่วมกันก็ได้ และหากพบเห็นการกระทําดังกล่าวให้ดําเนินคดีตามกฎหมายทันที
ข้อ ๑๑ มาตรการป้องกันโรค ให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกําหนดเพื่อใช้ ปฏิบัติเป็นการทั่วไป หรือใช้ในกรณีผ่อนผันหรือยกเว้นการปฏิบัติตามข้อกําหนดนี้ ดังนี้
(๑) ให้ทําความสะอาดโดยการเช็ดทําความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้อง ก่อนการจัดกิจกรรม และให้กําจัดขยะมูลฝอยทุกวัน
(๒) ให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ ผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมกิจกรรม ลูกจ้าง ผู้ใช้บริการสวม หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
(๓) ให้บุคคลตาม (๒) ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ เจลหรือน้ํายาฆ่าเชื้อโรค
(๔) ให้บุคคลตาม (๒) เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตรเพื่อป้องกันการ ติดต่อสัมผัส หรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละอองน้ําลาย
(๕) ให้ควบคุมจํานวนผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด หรือลดเวลาในการทํากิจกรรมให้สั้นลง เท่าที่จําเป็นโดยถือหลักการหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน
เจ้าหน้าที่อาจเพิ่มมาตรการใช้แอพพลิเคชั่นติดตามตัวทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ นํามาตรการคุมไว้สังเกตหรือมาตรการกักกันตัวอย่างน้อย ๑๔ วันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อมาใช้แก่ บุคคลบางประเภทหรือบางคนได้ตามความจําเป็น
ข้อ ๑๒ นโยบายการยังคงให้เปิดสถานที่ทําการ รัฐบาลมีนโยบายให้โรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านอาหารในส่วนซึ่งมิใช่สถานบันเทิงหรือสถาน บริการและแผงจําหน่ายอาหารซึ่งผู้บริโภคซื้อไปบริโภคนอกสถานที่ โรงแรมในส่วนซึ่งเป็นที่พักอาศัยและ ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก ร้านค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้าในส่วนซึ่งเป็นแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ต แผนกขายยา แผนกอาหาร แผนกสินค้าเบ็ดเตล็ดอันจําเป็นต่อการดํารงชีวิต โรงงาน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม ตลาดและตลาดนัดในส่วนซึ่งจําหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง อาหาร ปรุงสําเร็จ อาหารสัตว์ เวชภัณฑ์และสินค้าเบ็ดเตล็ดอันจําเป็น สถานที่จําหน่ายแก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั้มน้ํามัน ปั้มแก๊ส การให้บริการขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้า รวมทั้งบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (delivery online) ยังคงประกอบกิจการต่อไปได้ตามปกติเพื่อความสะดวกและความเป็นอยู่ตามปกติ ของประชาชน มิให้ขาดแคลนหรือเดือดร้อนยากลําบากเกินควร โดยให้ผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการ ป้องกันโรคตามที่ทางราชการกําหนดในข้อ ๑๑
สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ ยังคงเปิดดําเนินการในวันและเวลา ราชการตามปกติ เว้นแต่ที่มีประกาศให้ปิดหรืองดดําเนินการไปก่อนแล้ว เช่น สถาบันการศึกษา ทั้งนี้ เพื่ออํานวยความสะดวกแก่ประชาชนและมิให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์หรือละเมิดกฎหมายที่มี กําหนดเวลาให้ปฏิบัติ แต่ควรอํานวยความสะดวกแก่ผู้ปฏิบัติงาน เช่น การจัดเหลื่อมเวลาทํางานและพัก เที่ยง การทํางานนอกสถานที่ปกติ และให้เพิ่มบริการอํานวยความสะดวกแก่ประชาชน เช่น การจัด ประชุมสื่อสารทางไกล การให้บริการด้วยการสื่อสารแบบดิจิทัล การงดเว้นการกําหนดให้ประชาชนต้อง มาแสดงตน หรือยกเว้น ขยายเวลา งดหรือลดหย่อนค่าธรรมเนียมภายใต้กรอบของกฎหมาย
ให้ภาคธุรกิจ ร้านค้าที่เปิดบริการและสถานที่ราชการที่เปิดทําการ วางมาตรการ คัดกรองผู้ปฏิบัติงานและผู้มาติดต่อหรือใช้บริการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกําหนดในข้อ ๑๑
ข้อ ๑๓ คําแนะนําเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ในช่วงเวลานี้ประชาชนพึง งดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดในระยะนี้โดยไม่จําเป็นและควรพักหรือทํางานอยู่ ณ ที่พํานักของตน กรณีจําเป็นต้องเดินทางข้ามเขตพื้นที่ ต้องรับการตรวจคัดกรองและปฏิบัติตามมาตรการที่ ทางราชการกําหนด ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการติดตามตัวมารับการตรวจอาการหรือกักกันตัว
ข้อ ๑๔ คําแนะนําในการจัดกิจกรรมอื่น ๆ การจัดกิจกรรมหรือพิธีการทางสังคมตาม ประเพณีนิยม เช่น พิธีมงคลสมรส พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ พิธีบําเพ็ญกุศล พิธีศพ พิธีสงกรานต์หรือ กิจกรรมภายในครอบครัว ตลอดจนกิจกรรมหรืองานพิธีที่ทางราชการจัดขึ้นหรือเป็นไปตาม หมายกําหนดการของทางราชการ ยังคงจัดได้ตามความเหมาะสม แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ตามที่ทางราชการกําหนดในข้อ ๑๑
ข้อ ๑๕ โทษ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ข้อ ๕ และ ข้อ 5 แห่งข้อกําหนดนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และอาจมีความผิดตามมาตรา ๕๒ แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ แล้วแต่ กรณี ด้วย
ข้อ ๑๖ การใช้บังคับ ข้อกําหนดนี้ให้ใช้บังคับทั่วราชอาณาจักรรวมทั้งพื้นที่ที่อยู่ระหว่าง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีข้อกําหนด เป็นอย่างอื่น
ในกรณีมีความจําเป็น นายกรัฐมนตรีอาจออกข้อกําหนดเปลี่ยนแปลง เพิ่มหรือลด มาตรการหรือเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาได้โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาและเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี