“กลยุทธ์ชั้นเซียน”ของนายกฯ ดึง "มหาเศรษฐี" ร่วมถกฝ่าวิกฤติโควิด

19 เม.ย. 2563 | 01:35 น.
อัปเดตล่าสุด :15 มิ.ย. 2564 | 12:20 น.

อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ วิเคราะห์แถลงการณ์นายกฯ เชิญมหาเศรษฐีร่วมวงแก้วิกฤติโควิด ชี้เป็น “กลยุทธ์ชั้นเซียน” ในการดึงความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆในสังคม

นายธีระพงษ์ โสดาศรี อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เขียนบทความระบุว่า “กลยุทธ์ชั้นเซียน” ของนายกฯ ระบุว่า พลันที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าว แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ถึงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563 ระบุว่า

“กลยุทธ์ชั้นเซียน”ของนายกฯ ดึง \"มหาเศรษฐี\" ร่วมถกฝ่าวิกฤติโควิด

ประการแรก จะออกจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 คน โดยขอให้ท่านเหล่านั้นได้บอกนายกรัฐมนตรีว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อาวุโสของสังคม ท่านจะร่วมมือกันกับรัฐบาลอย่างไร และท่านจะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเราให้มากขึ้น ได้อย่างไรบ้าง

ประการที่สอง คือ นายกรัฐมนตรีจะไปพบกับสมาคมภาคธุรกิจไม่ว่าจะขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก เพื่อรับฟังพวกท่านด้วยตัวของนายกรัฐมนตรีเองโดยตรง ไม่ต้องผ่านหน่วยงานใดเพื่อให้นายกรัฐมนตรีจะได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริง 

ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายมุมมอง ทั้งที่คิดบวก และคิดลบ

แต่หากมองในฐานะของนักประชาสัมพันธ์แล้ว นี่คือกลยุทธ์อย่างสำคัญยิ่งในการสื่อสารกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้ชื่อว่ามีอิทธิพลทางด้านการค้า การเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ

เพราะนั่นเป็นการแสดงว่า ประการแรกนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ตลอดจนส่วนราชการต่างๆ ไม่ได้ทำงานแต่เพียงลำพังเพียงผู้เดียว แต่อยากจะฟังความคิดเห็นของผู้ที่กุมเศรษฐกิจสำคัญของประเทศชาติ ว่าท่านเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญอย่างไร ในการที่จะช่วยเหลือฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศชาติได้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะภายหลังจากที่โรคโควิด - 1 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งจะต้องมีการช่วยกันฟื้นฟูประเทศชาติอย่างมโหฬารทั้งภาครัฐ และเอกชนจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

การกล่าวแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศที่จะมีหนังสือเปิดผนึกเชิญมหาเศรษฐีของเมืองไทยไปพบปะ พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี  นี่คือการหาการมีส่วนร่วมของประชาชนกลุ่มสำคัญของประเทศ ซึ่งจะมีผลต่อรากหญ้า หรือต่อพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่กำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจที่ง่อนแง่นในขณะนี้

แน่นอนที่สุดเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภาก็มีส่วนสำคัญ ซึ่งรัฐบาลก็จะดำเนินการตามช่องทางหรือระบบของรัฐสภาที่มีอยู่แล้วในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ 

ผลพลอยได้จากการที่นายกรัฐมนตรีจะพบกับมหาเศรษฐีของเมืองไทยในครั้งนี้ ก็จะได้รู้ถึงความรับผิดชอบต่อประเทศชาติบ้านเมืองร่วมกันว่ามหาเศรษฐีเหล่านี้ว่า มีจิตสำนึกมากน้อยเพียงใด พี่น้องประชาชนชาวไทยก็จะได้รับทราบ

ประการที่สอง นายกรัฐมนตรีจะไปพบกับสมาคมภาคธุรกิจไม่ว่าจะขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก เพื่อรับฟังพวกท่านด้วยตัวของนายกรัฐมนตรีเองโดยตรง ไม่ต้องผ่านหน่วยงานใดเพื่อให้นายกรัฐมนตรีจะได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริง 

นั่นคือการใช้กระบวนการประชาสัมพันธ์ในการออกไปสอบถามความคิดเห็น เพื่อที่จะได้รับทราบปัญหา จุดบกพร่อง วิธีการแก้ไข เพื่อจะมาวางแผนในการที่จะแก้ไขดำเนินงานเพื่อให้ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชนมากที่สุด โดยจะได้รับความร่วมมือและช่วยเหลือจากภาคธุรกิจ หรือมหาเศรษฐีระดับประเทศที่มีส่วนสำคัญในการร่วมมือกันพัฒนาประเทศในครั้งนี้

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่านายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลนั้นมีแต่ได้กับได้ ได้อย่างแรก คือได้พบประกับผู้มีส่วนสำคัญทางด้านเศรษฐกิจของประเทศชาติ ซึ่งทั่วโลกแม้กระทั่งประเทศไทยเราเองก็กำลังประสบกับปัญหาอยู่ในขณะนี้ ได้ต่อมาก็คือได้รับทราบแนวทาง วิธีการที่จะนำมาแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ได้ประการต่อมา คือได้สยบข่าวที่ว่าไม่ฟังเสียงของประชาชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญยิ่งต่อประเทศชาติ

ได้อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี หรือรัฐบาลไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่จะได้ภาพของความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน ซึ่งจะเข้มแข็ง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย และนานาประเทศว่า รัฐบาลได้มุ่งมั่นเอาใจใส่ที่จะแก้ปัญหาโรคโควิด - 19 หรือแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจังต่อไป

นี่คือ “กลยุทธ์ชั้นเซียน” ของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่จะสยบข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้น
 
ส่วนผลเสียจะเกิดขึ้นกับบรรดาเจ้าสัวมหาเศรษฐีทั้งหลาย ที่หากท่านเมื่อได้รับหนังสือแล้วจะมาพบกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ และท่านจะเสนอวิธีการช่วยเหลือแบบไหน อย่างไรนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สังคมกำลังจับตามองดูบทบาทของท่านอยู่

“กลยุทธ์ชั้นเซียน”ของนายกฯ ดึง \"มหาเศรษฐี\" ร่วมถกฝ่าวิกฤติโควิด

ส่วนพรรคการเมือง นักการเมือง หรือประชาชนที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ นั่นก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของท่านว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร หรือท่านมีวิธีการอย่างไร ซึ่งต่างก็มีช่องทางในการสื่อสารซึ่งท่านจะเสนอแนะให้ความคิดเห็นต่อรัฐบาลหลายช่องทางอยู่แล้ว

เราก็มาคอยดูกันต่อไปนะครับว่า หลังจากนี้แล้ว จะเกิดภาพที่ดียิ่งต่อรัฐบาล และต่อประเทศชาติของเราอย่างไร หรือจะเกิดผลเสียอะไรตามมา ต้องคอยดูบทบาทของแต่ละคนต่อไปครับ


https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=_yVzgkCFpXU&feature=emb_title
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=_yVzgkCFpXU&feature=emb_title
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=_yVzgkCFpXU&feature=emb_title
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=_yVzgkCFpXU&feature=emb_title
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=_yVzgkCFpXU&feature=emb_title
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=_yVzgkCFpXU&feature=emb_title
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=_yVzgkCFpXU&feature=emb_title
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=_yVzgkCFpXU&feature=emb_title
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=_yVzgkCFpXU&feature=emb_title