วันพรุ่งนี้ (20เม.ย.63) เวลา 09.30 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือ ศบค. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล
ซึ่งคาดว่าเป็นการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ประกอบการตัดสินใจว่าจะต่ออายุการบังคับใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปหรือไม่ ก่อนวันที่ 30 เม.ย.จะครบตามประกาศเพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด ซึ่งต้องนำเข้าพิจารณาต่อที่ประชุมครม.ต่อไปก่อนที่จะครบกำหนดตามประกาศ
ทั้งนี้การประชุมดังกล่าวท่ามกลางสถานการณ์การระบาดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ลดลง จนทำให้มีเสียงเรียกร้องจากภาคส่วนต่างๆในการขอผ่อนปรนสถานการณ์เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ล่าสุด นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ได้ชี้แจงคำถามของสื่อมวลชน กรณีสถานประกอบการบางแห่ง เตรียมพร้อมที่จะกลับมาเปิดบริการในวันที่ 1 พ.ค. 63 ซึ่งในระหว่างนี้อาจทำให้มีลูกจ้าง พนักงาน เริ่มทยอยเดินทางกลับและก่อให้เกิดความแออัดอีกว่า ยังไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ว่าจะต้องมีการยืดระยะ พ.ร.ก. ฉุกเฉินที่ประกาศใช้ในขณะนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. 63 ออกไปอีกหรือไม่ ซึ่งต้องมีการหารือในที่ประชุม ศบค. ที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ศบค. จะนำรวบรวมข้อมูลสำคัญและประเมินอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม การเตรียมการเปิดสถานประกอบการ จะเกิดขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือของประชาชนทุกคน เพื่อเป็นการลดจำนวนตัวเลขของผู้ป่วยให้น้อยลงอย่างต่อเนื่อง
โฆษก ศบค. กล่าวว่า เข้าใจและเห็นใจประชาชนทุกคนที่ขาดรายได้และขาดแคลนอาหาร ในช่วงนี้ มีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ที่บริจาคอาหารและสิ่งของจำเป็นเพื่อช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้น ทั้งนี้ หากมีการผ่อนปรนมาตรการ ต้องย้ำเตือนให้ประชาชนทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย ปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส