ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(27เม.ย.63) เวลา 09.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือ ศบค. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุดมีรายงานว่า ที่ประชุมศบค.มีมติให้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือน ตามที่ฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานด้านสาธารณสุขมีความเห็นตรงกัน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมนายแพทย์ทวีศิล วิษณุโยธิน โฆษกศบค. จะแถลงรายละเอียดอีกครั้งในเวลา 12.30 น.
การประชุมศบค.วันนี้มีวาระสำคัญคือการพิจารณาต่อหรือไม่ต่ออายุ การใช้อำนาจตามพรก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ซึ่งพรก.ฉุกเฉินบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 จะครบกำหนดในวันที่ 30 เมษายน 63 ซึ่งศบค.ต้องพิจารณา แล้วให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ในฐานะฝ่ายเลขาของศบค. นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก่อนที่จะครบกำหนด
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา หลังรัฐบาลประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินแล้วได้ออกข้อกําหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการ ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการปิดสถานที่ซึ่งมีคนจํานวนมากไปทํากิจกรรมร่วมกันและเสี่ยงต่อการ แพร่เชื้อโรคโควิด-19 เป็นการชั่วคราว น้อยดังต่อไปนี้
1. สนามมวย สนามกีฬา สนามแข่งขัน สนามเด็กเล่น สนามม้า ในทุกจังหวัด ทั่วราชอาณาจักร
2. ผับ สถานบริการ สถานที่แสดงมหรสพ สถานที่มีการแสดงหรือการละเล่นสาธารณะ สถานประกอบการ อาบ อบ นวด และนวดแผนโบราณ สปา สถานที่ออกกําลังกาย (ฟิตเนส) สถานบันเทิง ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2553 และพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2554
3.สถานที่อื่นนอกจากนี้ เช่น แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ พิพิธภัณฑสถาน ห้องสมุดสาธารณะ ศาสนสถาน สถานีขนส่งหรือโดยสาร ตลาด ห้างสรรพสินค้า ให้พิจารณาโดยสั่งปิดเฉพาะส่วน หรือทั้งหมดและอาจกําหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลา
นอกจากนี้ยังมีการการห้ามชุมนุม ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทํากิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทําการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
จากนั้นรัฐบาลได้ออกประกาศอีกฉบับห้ามไม่ให้ประชาชนออกจากเคหะสถานหรือเคอร์ฟิว
ทั้งนี้มีรายงานว่าที่ประชุมศบค.ในวันนี้ได้มีการพิจารณาในส่วนของมาตรการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ โดยจะอนุญาติให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้ แต่จะพิจารณาตามความเหมาะสม และสิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของประชาชน
นอกจากนี้ที่ประชุมศบค.ยังมีมติให้ขยายการประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานหรือ"เคอร์ฟิว"ตั้งแต่ 22.00 น. ถึง 04.00 น. ออกไปอีกด้วย