ส่องข้อเสนอฝ่ายค้าน ‘พรก.เงินกู้’ ต้องโปร่งใส

30 พ.ค. 2563 | 02:00 น.
อัปเดตล่าสุด :05 มิ.ย. 2563 | 01:22 น.

ไม่บ่อยหนักที่คนไทยจะได้เห็นบรรยากาศการอภิปรายแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร  อย่างล่าสุดการประชุมเพื่อพิจารณาพระราชกำหนดกู้เงิน 3 ฉบับ หรือ “พ.ร.ก.เงินกู้” เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผล กระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งการพิจารณาแต่ละวันผ่านพ้นไปด้วยดี แม้จะมีการคิดค้นสำนวน และวลีใหม่ๆ ที่กินใจเป็น สีสันเสริมให้บรรยากาศในห้องประชุมได้ผ่อนคลายมากขึ้น

แรกๆ เนื้อหาการอภิปรายพรรคฝ่ายค้านกำหนดกรอบไว้ให้เสนอภาพรวมของ พรก.เงินกู้ ทั้ง 3 ฉบับ จากนั้นในวันที่ 2 และต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันอภิปรายวันสุดท้ายก่อนลงมติ  ฝ่ายค้านได้เจาะจุดเปราะบางที่สังคมจับตา ออกมาแฉกลางสภา สำคัญที่ข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมทั้งชั้นเชิงการอภิปรายของรัฐบาลและฝ่ายค้านประชาชนจะเชื่อข้อมูลใคร!!

สำหรับ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ประกอบด้วย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วง เงิน 1 ล้านล้านบาท, พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 วงเงิน 5 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคง ทางเศรษฐกิจของประเทศ วงเงิน 4 แสนล้านบาท

 

ตั้งกมธ.ตรวจสอบงบ

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ยอมรับว่า การอภิปรายวันแรกฝ่ายค้านให้คะแนน “พอใจ” การชี้แจงของรัฐบาล แต่หลังจากนี้รัฐบาลต้องตอบโจทย์ฝ่ายค้านเกี่ยวกับการจัดสรรเงินให้เกิดความโปร่งใสเพื่อป้องกันการ “ตีเช็คเปล่า” ให้ได้ โดยเสนอให้มีการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบการใช้งบประมาณ ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคฝ่ายค้านยํ้าบ่อยครั้ง 

 

ส่องข้อเสนอฝ่ายค้าน ‘พรก.เงินกู้’ ต้องโปร่งใส

 

สอดคล้องกับการอภิปรายของแกนนำฝ่ายค้าน ทั้ง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และ นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้ตอกยํ้าแนวทางสร้างความโปร่งใสในการใช้งบว่า นอกจากการเสนอตั้งกรรมาธิการตรวจสอบการใช้งบประมาณ ยังเสนอให้กรรมาธิการฯ รายงานต่อครม.ทุก 3 เดือน และรายงานต่อสภาเดือนละครั้ง 

 

ไม่รวมท่าทีรุกหนักจาก ประธานวิปฝ่ายค้าน ที่ตั้งเงื่อนไขสู้รัฐบาลว่า หากจะให้ฝ่ายค้านเห็นชอบพ.ร.ก.เงินกู้ แต่รัฐบาลกลับไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้เงินมาเสนอต่อสภาฯ จึงขอให้รัฐบาลรับปากว่าจะตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาและตรวจสอบการใช้เงินและขอให้รัฐบาลจัดทำรายงานการใช้เงินกู้เสนอต่อสภาฯ เดือนละครั้ง เพราะการให้สัญญาต่อสภาฯถือเป็นคำมั่นอย่างหนึ่ง

อย่างไรก็ดี ข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญตรวจสอบติดตามการใช้งบประมาณตาม พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 3 ฉบับ ที่ฝ่ายค้านเสนอ มีเสียงหนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลเช่นกัน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันจะให้มีการตั้ง กมธ.ตรวจสอบงบ โดยอ้างว่ากระบวนการตรวจสอบ พ.ร.ก.เงินกู้ยังไม่ชัดเจน การระบุแค่ว่าจะรายการใช้เงินต่อคณะรัฐมนตรีเป็นรายเดือน หรือรายงานการใช้เงินและความคืบหน้าต่อรัฐภา อาจยังไม่เพียงพอที่จะสร้างความมั่นใจได้ 

 

เสนอจัดสรรงบใหม่

นอกจากนั้นมีอีกหลายประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านแสดงความห่วงใยต่อการใช้งบประมาณ อาทิ พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้ว่าแม้จะเห็นด้วยกับการช่วยเหลือให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน แต่ดุลยพินิจการปล่อยกู้อยู่ที่ธนาคารพาณิชย์ที่มีแนวโน้มจะปล่อยกู้ให้ลูกค้าเดิมที่แข็งแรงอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอีขนาดกลางขึ้นไปได้ประโยชน์จากสินเชื่อดอกเบี้ยตํ่า แต่เอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ จากโควิดยังคงเข้าไม่ถึงสินเชื่อ

 

ขณะที่ พ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น นายสมพงษ์ ระบุว่า อาจจะส่งผลเสียหลายประการ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่มีหน้าที่จัดสรรสินเชื่อเอง อาจสร้างความเสียหายเกี่ยวกับความเชื่อมั่น หลีกเลี่ยงไม่พ้นการเลือกปฏิบัติ ถูกกล่าวหาใช้เงินรัฐอุ้มคนรวย เกิดปัญหาคอร์รัปชัน ความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ 

ดังนั้น หากให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณารับซื้อตราสารหนี้เอกชนตามความเสี่ยง จากนั้นให้ธนาคารพาณิชย์นำตราสารหนี้เหล่านี้มาคํ้าประกันเพื่อกู้เงินเสริมสภาพคล่องจากธปท.จะดีกว่าให้ธปท.จัดสรรสินเชื่อเอง แม้มีคณะกรรมการก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นการเลือกปฏิบัติ

ส่วน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอให้รัฐบาลจัดสรรเงินใหม่ โดยรวมเอาเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เข้ากับเงินที่ได้จากการโอนงบประมาณปี 2563 ของหน่วยงานต่างๆ อีก 88,000 ล้านบาท เป็น 1.088 ล้านล้านบาท มาจัดสรรใหม่ โดยการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ เพิ่มสวัสดิการให้บุคลากรสาธารณสุข รวมทั้งเยียวยาประชาชนแบบถ้วนหน้าอย่างทั่วถึง ไม่ต้องพิสูจน์สิทธิ์

ข้อเสนอดังล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่พรรคฝ่ายค้านจี้ให้รัฐบาลตอบให้คลายข้อกังวลของสังคม ว่ารัฐบาลสามารถใช้จ่ายงบประมาณก้อนมหาศาลนี้อย่างคุ้มค่าและโปร่งใสอย่างแท้จริง 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,579 หน้า 10 วันที่ 31 พฤษภาคม - 3 มิถุนายน 2563