“สันติ” อุ้ม “พรก.กู้เงิน” ยัน ช่วยชาวบ้าน-เอสเอ็มอีทุกกลุ่ม

30 พ.ค. 2563 | 10:49 น.
อัปเดตล่าสุด :05 มิ.ย. 2563 | 01:20 น.

“ส.ส.สันติ กีระนันทน์” ยัน “พรก.กู้เงิน” ช่วยชาวบ้าน-เอสเอ็มอีทุกกลุ่ม ปัด อุ้มรายใหญ่ หวังรักษาเสถียรภาพการเงิน แนะ ยึด ศก.พอเพียง-ช่วยชุมชน-ฐานราก

หลังมีฝ่ายค้านหลายคนอภิปรายโจมตี “พรก.เงินกู้” 3 ฉบับ ในการประชุมสภา ทำนองช่วยเหลือไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม ผู้ประกอบการรายเล็กไม่ค่อยได้ประโยชน์ แต่ผู้ได้ประโยชน์เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่นั้น

นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพรก.กู้เงิน 3 ฉบับว่า มาตรการการดูแลเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งฝ่ายบริหารได้ทำมา โดยใช้งบกลาง ปี 2563 ก่อนที่จะมีการมาออก พรก.ทั้ง 3 ฉบับ ไม่ว่าจะเป็น การลดค่าน้ำ ค่าไฟ การอภิปรายที่เกิดขึ้น 3 วันที่ผ่านมา มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของสมาชิกหลายๆ ข้อ ซึ่งต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน

นายสันติ กล่าวว่า พรก.เราไม่ทิ้งกัน 2020 วงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกู้มาใช้ทั้งหมด ส่วน พรก.อีก 2 ฉบับ soft loan และ bsf ไม่ใช่การกู้ แต่เป็นการให้อำนาจพิเศษกับธนาคารแห่งประเทศไทย ดำเนินการ

สำหรับโครงการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน 5,000 บาท 3 เดือน เกษตรกร เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ทั้ง 3 โครงการใช้วงเงินกู้ 359,430 ล้านบาท ยังคงเหลือ 195,570 ล้านบาท และในส่วนวงเงิน 45,000 ล้านบาท และ 400,000 ล้านบาท ยังไม่มีการกู้ ซึ่งตามที่ตนกล่าวมานั้นจะเห็นว่า ในการกู้เงินครั้งนี้ยังมีจำนวนเงินเหลือที่ยังไม่ได้ใช้อีกจำนวนมาก

นายสันติ กล่าวต่อว่า พรก.เราไม่ทิ้งกัน 2020 เป็นการใช้งบประมาณที่ครอบคลุมทุกมิติการแก้ไขปัญหาและเยียวยาด้านสาธารณสุข บรรเทาความเดือดร้อนของคนไทย และการฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชน ในส่วนของ พรก.ซอฟต์โลน แม้จะมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่ายังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่เข้าถึง แต่เมื่อมาดูตัวเลข การช่วยเหลือด้านสินเชื่อกระจายตัว เพราะส่วนใหญ่ผู้กู้คือธุรกิจขนาดเล็ก วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท และที่สำคัญคือ ส่วนมากเป็นผู้กู้ที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ใน กทม.และนี่คือสิ่งที่ทำให้คนตัวเล็กได้รับโอกาสที่ดี

 

นายสันติ ชี้ว่า พรก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน กลไกการช่วยเหลือกองทุน bsf ถูกออกแบบมาไม่ใช่เพื่ออุ้มคนตัวใหญ่ แต่ต้องการสร้างความมั่นใจ โดยจะเข้าไปช่วยในกรณีจำเป็น เพื่อแก้ไขกรณีที่กลไกตลาดไม่ทำงาน และป้องกันการตื่นตระหนกที่อาจลุกลามกระทบเสถียรภาพระบบการเงิน โดยจะให้ความช่วยเหลือกับบริษัทที่มีคุณภาพดี

ก่อนที่จะเข้าสู่กองทุน bsf ได้ จะต้องมีเงินทุนจากแหล่งอื่นก่อน 50% นั่นคือสิ่งที่จะมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการเอาเงินไปใช้แบบไม่สมเหตุสมผล เพราะกว่าจะมาใช้กองทุน bsf ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งไม่ใช่ทางเลือกแรก แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องมีกองทุน bsf เพราะเป็นการสร้างความมั่นคงให้ผู้ประกอบการว่า หากไม่มีใคร ก็ยังมีกองทุน bsf ผิงหลังอยู่

“ในวันนี้นอกจากการบรรเทาความเดือดร้อน การซ่อมแซม ยังต้องคิดถึงกลยุทธ์ของประเทศไทยจะไปทางไหน เราจะสร้างประเทศไทยด้วยการจะเปลี่ยนวิกฤติครั้งนี้ให้เป็นโอกาส คำสำคัญในตอนนี้คือ เศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจฐานราก เพราะฉะนั้น ผมหวังว่างบประมาณอีก 400,000 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ใช้ รัฐบาลจะนำคำ 3 คำนี้มาทำให้เกิดความจริง และสร้างความมั่นคงให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ”นายสันติ ระบุ