หลังจากคาดการณ์มานาน และแล้วก็ได้ฤกษ์ “4 กุมาร” เวลา 12.00 น. วันนี้ (9 ก.ค.63) แถลงลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่โรงแรมเซ็นทารา ลาดพร้าว
สำหรับ “4 กุมาร” ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง อดีตหัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน อดีตเลขาธิการพรรค , นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ อดีตรองหัวหน้าพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง อดีตกรรมการบริหารพรรค
การลาออกจากพรรค พปชร.ของ “ 4 กุมาร” ครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังการประชุมใหญ่ของพรรค พปชร. เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2563 ที่ผ่านมา ที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค ดัน "บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" เป็นหัวหน้าพรรค
ขณะที่ “ทีม 4 กุมาร” พ้นจากกรรมการบริหาร(กก.บห.) ทั้งหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ด่วน “4 กุมาร”แถลงลาออกจากพปชร.เที่ยงวันนี้
ชะตากรรม “4 กุมาร” ขึ้นอยู่กับ “นายกฯตู่”
4 ทางเลือก "4 กุมาร" พลังประชารัฐ
อุตตม ลั่น "4 กุมาร" ลาออกพปชร. ปรับครม.ขึ้นอยู่กับนายกฯ
กรณีดังกล่าวจึงเกิดคำถามว่าแล้วทั้ง “4 กุมาร” จะกำหนดทิศทางทางการเมืองต่อไปอย่างไร
+พลิกปูม “อุตตม”
แต่วันนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ขอนำไปดูประวัติและเส้นทางคร่าว ๆ ของทั้ง “4 กุมาร” กันก่อน
เริ่มต้นกันที่ นายอุตตม สาวนายน ปัจจุบันอายุ 60 ปี ก่อนจะก้าวมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และรมว.คลัง นายอุตตม เคยเป็นผู้บริหารสถาบันการเงินเอกชน หลังจากนั้นได้เป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา-รองคณบดีที่นิด้า และเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
เส้นทางการเมืองเริ่มต้นขึ้นในปี 2558 ด้วยการเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในยุค ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2559 ได้ยื่นหนังสือลาออก เพื่อให้มีการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นกระทรวงที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งหลังจากที่ยื่นลาออกก็ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรม
นายอุตตม และอีก 3 กุมาร ได้เป็นผู้ปลุกปล้ำและก่อตั้ง “พรรคพลังประชารัฐ” โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในปี 2561 จนการเลือกตั้ง เมื่อ 24 มีนาคม 2562 สามารถนำพาพรรคได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ส่งให้ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 สำเร็จ
โดย นายอุตตม ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ด้านการศึกษา จบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยบราวน์ สหรัฐอเมริกา ,ปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ (การเงินและธุรกิจระหว่างประเทศ) Kellogg School of Management มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา และ ปริญญาเอก สาขาบริหารการเงิน School of Management , University of Massachusetts-Amherst สหรัฐอเมริกา
+เส้นทาง “สนธิรัตน์”
คนถัดมา นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ปัจจุบันอายุ 60 ปี จากจุดเริ่มต้นของการเป็นนักธุรกิจ ที่เริ่มมาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด มาสู่การบริหารธุรกิจขายตรง ต่อมาในปี 2557 เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ, สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และในปี 2558 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และในปี 2559 ได้รับการแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในยุค ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ต่อมาในปี 2560 เข้ามารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมไปถึงรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และในปี 2562 จวบจนปัจจุบันรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ด้านการศึกษา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวัสดุศาสตร์ และบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
+ “สุวิทย์”ลูกหม้อ “สมคิด”
ขณะที่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ปัจจุบันอายุ 59 ปี ถือเป็นลูกหม้อของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย และหนึ่งในผลงานที่ช่วยขับเคลื่อนคือ "หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์"หรือ OTOP ต่อมายุคคสช.ในปี 2557 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ต่อมาในปี 2558 ถูกแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
หลังจากนั้นในปี 2559 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมาในปี 2560 แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และในปี 2562 ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว เพื่อมารับตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และในปี 2562 จนถึงปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งถือเป็นกระทรวงใหม่ที่นายสุวิทย์ได้ขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น
ด้านการศึกษา สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ ,ปริญญาตรีด้านเภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ,ปริญญาโทด้านการตลาด คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ประเทศสหรัฐอเมริกา
+ประวัติ “กอบศักดิ์”
ปิดท้ายกันที่ กอบศักดิ์ ภูตระกูล อายุ 52 ปี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐ
นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาประเทศ การเงิน และตลาดทุน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ
กอบศักดิ์ ภูตระกูล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก จาก Massachusetts Institute of Technology ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค และเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ เมื่อปี 2540 หลังจากสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้าน คณิตศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ ที่ Williams College ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2534 สำหรับมัธยมศึกษาตอนปลาย จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาในปี 2529
หลังจากสำเร็จการศึกษา ได้กลับมาปฏิบัติงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมีประสบการณ์ทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ระบบการเงิน ในงานด้านต่างๆ ทั้งส่วนของนโยบายการเงิน นโยบายสถาบันการเงิน และได้ถูกยืมตัวไปทำงานที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน ในตำแหน่งผู้บริหารสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ดูแลด้านงานวิจัย และผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดูแลฝ่ายพัฒนากลยุทธ์ ในระหว่างปี 2550-2551
ต่อมากลับมาทำงานที่ ธปท. เป็นเวลาประมาณ 2 ปี ในตำแหน่งผู้บริหารส่วนกลยุทธ์นโยบายการเงิน สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย รับผิดชอบงานที่เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินและประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
หลังจากนั้น ได้ตัดสินใจลาออกเพื่อหาประสบการณ์ในภาคเอกชน โดยทำงานที่ธนาคารกรุงเทพ ตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กิจการธนาคารต่างประเทศ เป็นเวลา 5 ปี
ด้านเส้นทางการเมือง เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2559 ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาและปฏิรูปเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจไทยในด้านต่างๆ ต่อมาในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กอบศักดิ์ เคยเป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของรองนายกรัฐมนตรี (สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ กรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ อดีตประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูป อดีตกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ
อดีตกรรมการในคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน กรรมการในคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายระยะเร่งด่วน รองประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารโครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น
และยังเคยเป็น สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ