วันนี้ ( 16 ก.ค. 2563 ) ศาลปกครองเพชรบุรีมีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินของบริษัท วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัดผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรูในอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์กรณีออกโฉนดที่ดินทับถนน ทางสาธารณะและให้เทศบาลเมืองหัวหินรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำ พร้อมปรับปรุงให้เป็นถนนสาธารณะดังเดิมภายใน 90 วัน
คดีนี้นายสมศักดิ์ เขียวขำ พร้อมพวกรวม 6คนซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจ.ประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน กล่าวหาว่า รังวัดออกโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รุกล้ำหรือทับทางสาธารณะบริเวณเลียบชายหาดทะเลหัวหิน หรือชายหาดสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และทางสาธารณะเลียบเชิงเขาตะเกียบด้านทิศตะวันตกของเขาตะเกียบที่ชาวบ้านและชาวประมงใช้สัญจรมาเป็นเวลานาน ทำให้ทางสาธารณะส่วนที่อยู่เลียบชายหาดหายไปทั้งหมด
รวมทั้งส่วนที่เป็นถนนลาดยางถัดไปถูกรุกล้ำจนแคบ ซึ่งปัจจุบันบริษัทวีรันดาฯเจ้าของที่ดินก่อสร้างกำแพงถาวรล้ำส่วนที่ยังมีสภาพเป็นถนนลาดยางให้แคบไปทางทิศเหนือ รถไม่สามารถวิ่งผ่านได้ จึงขอให้ศาลเพิกถอนโฉนดที่ดิน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตามโฉนดเพื่อกันเป็นเขตทางสาธารณะ และเพิกถอนโฉนดที่ดิน ที่ออกทับทางสาธารณะเต็มแปลง
ส่วนเหตุผลที่ศาลพิพากษาเพิกถอนโฉนดระบุว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” เลขที่ 866 ต.หัวหิน อ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระบุแนวเขตไว้ชัดเจนว่า ทิศตะวันออกและทิศเหนือจดทางสาธารณประโยชน์ สอดคล้องกับรูปแผนที่จำลองของที่ดินแนบท้ายตราจอง
และตามรายงานการวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ที่ดินจากภาพถ่ายทางอากาศ ฉบับเดือนมกราคม 2546 ซึ่งได้อ่าน แปลความ วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศของที่ดินพิพาทและที่ดินริมคลองตะเกียบ เมื่อปี พ.ศ. 2519 ก่อนเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ปรากฏให้เห็นชัดเจนว่าเป็นถนนหรือทางสาธารณะในลักษณะที่เป็นเส้นสีขาวต่อเนื่องกันจากแนวเขตที่ดินด้านทิศเหนือของที่ดินแปลงพิพาท เชื่อมต่อไปตามแนวเขตด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว และเชื่อมต่อขึ้นไปยังวัดเขาตะเกียบ ในลักษณะเป็นทางสาธารณะสายเดียวต่อเนื่องกันอย่างไม่ถูกตัดตอนจากกัน
ศาลพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของบริษัทวีรันดาฯ เลขที่ 81256 เฉพาะส่วนที่เป็นพื้นที่แนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออก กว้าง 5 เมตร ที่ติดกับแนวชายหาดทะเล ของแปลงที่ดินดังกล่าวตลอดแนว โฉนดที่ดินเลขที่ 81254 เต็มแปลง โฉนดที่ดินเลขที่ 82765 เต็มแปลง และ โฉนดที่ดินเลขที่ 80321 ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะส่วนที่รุกล้ำหรือทับซ้อนกับแนวเขตถนนลาดยางหรือแนวเขตถนนเดิม ตามแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว เพื่อให้ถนนลาดยางหรือถนนเดิมมีความกว้าง 5 เมตร ตลอดแนวเขตที่ดินดังกล่าวดังเดิม
ให้อธิบดีกรมที่ดินกับพวกรังวัดกันเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินใหม่ เพื่อถอยร่นเข้าไปในแปลงที่ดินของบริษัทวีรันดา ให้เป็นถนนหรือทางสาธารณะตามผลการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 4 แปลงดังกล่าว โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินจ.ประจวบคีรีขันธ์สาขาหัวหิน แจ้งให้นายสมศักดิ์กับพวก เข้าร่วมสังเกต
รวมทั้ง แจ้งกำหนดนัดการรังวัดพร้อมส่งสำเนาคำพิพากษาให้เทศบาลเมืองหัวหิน สำนักงานเจ้าท่าที่รับผิดชอบในพื้นที่ นายอำเภอหัวหิน ผู้ปกครองท้องที่ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ส่งตัวแทนเข้าร่วมดำเนินการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้ส่งมอบแนวเขตถนนหรือทางสาธารณะตามผลการรังวัดกันเขตดังกล่าวให้แก่เทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อให้เทศบาลเมืองหัวหินเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำทางสาธารณะ และทำการก่อสร้างปรับปรุงให้เป็นถนนสาธารณะดังเดิมต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา
ด้าน นายวีรวฒัน องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรนัดา รีสอรท์ จำกัด (มหาชน) หรือบริษัท วีรนัดา รีสอรท์ แอนด์ สปา ระบุว่า บริษัทซื้อที่ดินต่อจากเจ้าของเดิมปี2558 ขณะการออกโฉนดที่ดิน เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2522
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 บริษัท ได้ รายงานความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากคดีพิพาท ต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีสาระสำคัญดังนั้น ตามที่บริษัท เรียกเข้าเป็นผู้ร้องสอดในคดีของศาลปกครอง เพชรบุรีคดีหมายเลขดำ ที่ 26/2562 คดีหมายเลขแดง 94/2563 บริษัทจึงขอรายงานความเสียหายที่อาจจะอาจจะเกิดขึ้นจากคดีพิพาทดังนี้ คดีดังกล่าว โจทก์ได้ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 โดยศาลปกครองได้มีคำสั่งเรียกให้ บริษัท เข้าเป็นผู้ร้องสอด เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 มี ผู้ฟ้องจำนวน 6คน ได้แก่ (1) นางบญุมา ไพศาล, (2) นายประเสริฐ เทียมทัด (3) นายประสาร พวงสวุรรณ์, (4)นายสมชาย เขียวขา (5) นายสมศักดิ์ เขียวขา, (6) นายสนั่น สกุสี ผู้ถูกฟ้องคดี ได้แก่อธิบดีกรมที่ดินที่ดิน จำเลยที่1 , เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน (เจ้าพนักงานที่ดิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดิม )จำเลยที่2 ผู้ร้องสอด บริษัทวีรนัดา รีสอรท์ จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท วีรนัดา รีสอรท์ แอนด์ สปาจำกัด จำเลยที่3 คดีพิพาทเกี่ยวกับ การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยมิชอบ
ด้วยกฎหมายและการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากคำสั่งทางปกครอง 4 หากพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นพบว่าพื้นที่โฉนดที่เป็นคดีพิพาทมีขนาดพื้นที่ประมาณ 53 ตารางวา อยู่ในส่วนของโรงแรมซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง (โรงแรม เวอโซ หัวหิน)
โดยบริษัทคาดว่าจะมีขนาดรายการที่ดินมีมูลค่าทางบัญชีไม่เกิน 5,000,000 บาท และไม่กระทบสิ่งปลูกสร้างของบริษิท และ เนื่องจาก ในขณะนี้คดีดังกล่าวได้มีคำพิพากษาศาลปกครอง (ชั้นต้น) เท่านั้น ดังนั้นบริษัท จึงจะดำเนินการยื่นอุทธรณ์ คำ พิพากษาของศาลปกครองต่อศาลปกครองสูงสุด ตามเวลาที่กฎหมายกำหนดและ และภายหลังหากคำพิพากษาปกครองสูงสุด เป็นเหตุให้ บริษัท ไม่ได้รับความเป็นธรรม บริษัทฯ จะพิจารณาดำ เนินการยื่นคำร้องต่อตณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล เนื่องจากประเด็น ข้อพิพาทเกี่ยวกับ ที่ดิน นี้ ได้เคยมีการวินิจฉัยและยังมีคำพิพากษาฏีกาถึงที่สุดแล้วครั้งหนึ่ง ว่าการออกโฉนดที่ดินแปลงนี้ เป็นการออกโดยชอบด้วยกฎหมาย