ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 สิงหาคม 2563) นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 7,895 ล้านบาท โดยมี กระทรวงการคลัง เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งที่ผ่านมานั้น ครม.เคยมีมติอนุมัติให้ ขสมก. กู้เงินรวม 70,502 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้
ครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2560 ครม.อนุมัติให้ ขสมก.กู้เงินเพื่อนำไปชำระค่าเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมของรถปรับอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 2,833 ล้านบาท
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2560 อนุมัติให้ ขสมก.กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 26,782 ล้านบาท
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2561 อนุมัติให้ ขสมก.กู้เงินเพื่อชำระหนี้เงินต้นที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 1 มี.ค.2661 วงเงิน 2,962 ล้านบาท และอนุมัติให้กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 2,013 ล้านบาท
ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2561 อนุมัติให้กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 15,374 ล้านบาท
ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2561 อนุมัติให้กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 9,217 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.เคาะตั้ง “ศบค.เศรษฐกิจ” 2ชุด “นายกฯ-ไพรินทร์” นั่งหัวโต๊ะ
ครม.ประยุทธ์ 2/2 เปิดตัวเอ็มวีใหม่ "คนดีไม่มีวันตาย"
ครม.เห็นชอบ วันที่ 4 และ 7 ก.ย. 63 เป็นวันหยุดพิเศษชดเชยวันสงกรานต์
ส่องห้องประชุม “ครม. ประยุทธ์ 2/2” (คลิป)
และครั้งที่ 6 มีมติครม.เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2562 อนุมัติให้ขสมก.กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 11,319 ล้านบาท
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมรายงานว่า ณ วันที่ 30 พ.ย. 2562 ขสมก.มีหนี้สินค้างชำระรวม 122,102 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจากการที่ขสมก. เก็บค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุนที่เป็นจริงและไม่สามารถปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นได้ตามสภาวการณ์ปัจจุบัน รายละเอียดหนี้แยกเป็นดังนี้ หนี้พันธบัตรเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 57,673 ล้านบาท, หนี้เงินกู้ระยะยาวพร้อมดอกเบี้ย จำนวน 56,318 ล้านบาท, หนี้ค่าเชื้อเพลิง 113 ล้านบาท , หนี้ค่าเหมาซ่อม 252 ล้านบาท, หนี้ภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงาน 1,560 ล้านบาท , หนี้กองทุนบำเหน็จพนักงาน 4,362 ล้านบาท และหนี้สินอื่นๆ 1,822 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ประมาณการเงินสดรายรับรายจ่ายของขสมก.ประจำปีงบประมาณ2564 มีดังนี้ ประมาณการรายรับเงินสด 9,579 ล้านบาท ประมาณการรายจ่ายเงินสด 42,665 ล้านบาทส่งผลให้ติดลบจำนวน 33,085 ล้านบาท
ดังนั้น ขสมก.จึงมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน 7,895 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงานและทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอในการให้บริการขนส่งสาธารณะ แยกเป็น นำไปใช้ชำระค่าเชื้อเพลิง 3,219 ล้านบาท ชำระค่าเหมาซ่อม 1,642 ล้านบาท และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน 3,033ล้านบาท
ขณะที่กระทรวงการคลัง มีความเห็นว่า ขอให้กระทรวงคมนาคม และขสมก. เร่งจัดทำและดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างจริงจังเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมโดยเร็วและไม่เป็นภาระต่อรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ส่วนสำนักงบประมาณให้ความเห็นว่า เห็นควรให้ขสมก.เร่งรัดดำเนินการเสนอแผนฟื้นฟูกิจการที่ปรับปรุงใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะแนวทางในการเพิ่มรายได้ และลดรายจ่าย และการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน เพื่อลดภาระของรัฐบาล