ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จ.ระยอง ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ในช่วงหนึ่งสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้นำตัวแทนนักเรียน นิสิต นักศึกษา มานำเสนอความเห็น โดยตัวแทนดังกล่าวได้เสนอความเห็น อาทิ อยากให้ลดเวลาเรียน และนำไปในเพิ่มกิจกรรมแทน ให้ผู้ใหญ่รับฟังความเห็น โดยเยาวชนยินดีที่จะแสดงความเห็น แต่ขอให้เคารพความเห็นและสิทธิเสรีภาพของเยาวชนด้วย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งฟังอย่างอารมณ์ดี ได้เอ่ยชื่นชมตัวแทนนักเรียน นิสิต นักศึกษา ว่า ได้ให้ข้อเสนอที่ดี ช่วยกันถือว่าเป็นการช่วยกัน "ลุงก็ทำเพื่อพวกหนู พวกหนูก็ทำเพื่อรุ่นพวกหนู อยากให้ช่วยกัน" ทั้งนี้ ภายหลังการรับฟังความเห็นของนักเรียน นิสิตนักศึกษาเสร็จสิ้น นายกฯยังให้ ครม.ลุกขึ้นยืนขึ้นและปรบมือให้กับตัวแทนนักเรียน นิสิต นักศึกษาด้วย.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง) วันนี้ได้มีตัวแทนนักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมเสนอความเห็นด้วย เขาเสนอแนวทางอันเป็นประโยชน์ในทางที่สร้างสรรค์กับรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องของอาชีพรายได้ สิ่งแวดล้อม ต่างๆ เหล่านี้ ด้านการศึกษาอยากให้มีการปรับแก้อะไรบ้าง ตนก็ได้รับข้อสังเกต ข้อเสนอแนะของนักศึกษาทั้งหมดมา หลายอย่างอยู่ในขั้นตอนที่รัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว ฉะนั้น ตรงนี้อยากจะกราบเรียนให้ทราบว่าเราต้องรับฟังความคิดเห็นของเขาอยู่แล้วในสิ่งที่เป็นประโยชน์และเกิดผลดีกับเขา ตนได้บอกกับน้องๆ เด็กๆ ลูกหลานว่าเราไม่ได้มองแค่เขา โดยจะเห็นได้ว่าการที่รัฐบาลวางยุทธศาสตร์ชาติไว้ 20 ปี คือ อายุคนที่เกิดมาวันนี้ อีก 20 ปี เขาจะเป็นอย่างไรต่อไป เขาต้องนึกว่าเมื่อมีลูกหลาน ต้องคิดต่อเนื่อง เป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องคิดร่วมกัน และการปรับแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต้องเป็นอย่างไร
เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษาที่ยังเกิดขึ้นอยู่ จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนถือว่าเป็นวิถีปกติตามระบอบประชาธิปไตย ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเพื่อรองรับสถานการณ์การเติบโตในอนาคต ฉะนั้น สิ่งที่ทำมาแล้วที่มีผลสัมฤทธิ์มากมายหลายประการ ขอความกรุณาดูทั้งสองทางด้วย ตนไม่ได้ห้ามว่าอย่าไปฟังเขา แต่ตนเองถูกเขาห้ามว่าอย่ามาฟัง อันนี้ไม่ใช่วิถีทาง แต่ต้องฟังทั้งสองฝ่ายด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่คำบิดเบือน อย่าให้มีการแตกความสามัคคีในประชาชนเด็ดขาด วันนี้ต้องช่วยกันลดผลกระทบเหล่านี้ด้วย เพราะถูกจับตามองหลายอย่างหลายส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ข่าวเกี่ยวข้อง
นายกฯ แจงสั่ง"เฟซบุ๊ก"ปิดเพจดำเนินการตามกม.ไทย ลั่นพร้อมสู้คดีหากถูกฟ้อง
ศธ.สั่งใช้ "สภานักเรียน" ฟังความเห็นการเมือง ถึง 15 ก.ย.
"พุทธิพงษ์” เมินเฟซบุ๊กฟ้องไทย ลั่นเพื่อปกป้องอธิปไตยไซเบอร์
"ดอน" สอนมวย "เฟซบุ๊ก ต้องยึดกฎหมายไทย
“เฟซบุ๊ก” จ่อฟ้องรัฐบาลไทยกดดันบล็อกเพจ"รอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส"
เมื่อถามถึงกรณี ส.ส.พรรคก้าวไกล ปลุกกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ตามบุตรสาวของนายกฯ มองว่าเป็นการคุกคามหรือไม่ รวมถึงมีการเชื่อมโยงอ้างว่านายกฯกำลังถ่ายโอนเงินไปให้บุตรสาว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สังคมคิดเอาเอง ตนไม่ตอบประเด็นเหล่านี้ และตนเชื่อมั่นในตัวเองว่าไม่ได้ทำอะไรตามที่เขากล่าวอ้าง ขณะเดียวกัน จะไม่ไปโต้ตอบอะไรทั้งสิ้น ประชาชนจะตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไร มันเกิดจากใคร แล้วจะทำอย่างไร ความรู้สึกจะเป็นอย่างไรท่านก็รู้อยู่แล้ว ตนไม่ไปตอบโต้ เพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง ตนรู้ว่าทำอะไรถูกทำอะไรผิดอยู่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนดีใจที่ได้มีโอกาสพบปะนักศึกษาที่มาแสดงความคิดเห็น ได้เปิดเวทีพูดคุยกับเขามา ซึ่งตนรับได้ทุกอัน และได้บอกไปว่าทั้งหมดตรงกับสิ่งที่รัฐบาลคิดอยู่ อะไรที่รัฐบาลจะดำเนินการให้ได้ ก็มีอยู่แล้ว ทั้งการปรับระบบการศึกษา โรงเรียนใดที่มีความพร้อมวันนี้ได้ให้กระทรวงศึกษาธิการสามารถปลดล็อกได้ในการจัดทำหลักสูตร เวลาเรียนให้ลดลง การบ้านเด็กๆ ก็ต้องลดลง เพื่อให้มีเวลาพูดคุยหารือกัน แสดงความคิดเห็นระหว่างกัน เป็นการสร้างการรับรู้ระหว่างครูกับนักเรียน อาจจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้างในระบบเดิมๆ เก่าๆ ครูและนักเรียนมีปัญหากระทบกระทั่งกันอยู่บ้าง แต่ระบบการศึกษาเราไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ยังมีโอกาสที่จะพัฒนา คนไทยทุกคนเป็นคนเก่ง แต่ทำอย่างไรให้เก่งถูกวิธีทาง เราต้องเตรียมรับความพร้อม เตรียมสร้างอนาคตให้กับพวกเขา ทำในลักษณะสืบสาน รักษา ต่อยอด ระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ที่มีส่วนในการแสดงความคิดเห็นในวันนี้ ตนรับฟังทุกวันแม้จะไม่ได้รับฟังโดยตรงแบบวันนี้ แต่ก็ฟังในสื่อ โซเชียลมีเดีย ฟังทุกข้อเรียกร้องว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งเรามีความรับผิดชอบอยู่หลายด้าน ทั้งเกษตรกร ภัยแล้ง น้ำท่วม ความขัดแย้ง การต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ต้องดูว่าการต่างประเทศในปัจจุบันเป็นอย่างไร การค้าเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าเราเป็นเกษตรกรรมแล้วเขาต้องมาซื้อเราทั้งหมด มันไม่ใช่แล้ว หลายประเทศไปดำเนินการของตัวเอง เพาะปลูกเอง ลดการซื้อจากต่างประเทศ นั่นคือการบังคับซึ่งกันและกันไม่ได้ หลายอย่างต้องดำเนินการในลักษณะพหุภาคี การค้าเสรี การค้าต่างตอบแทน เราซื้อเขา เขาซื้อเรา บนโลกยุคใหม่ศักยภาพเรามีอยู่แล้ว และศักยภาพที่เรามีอยู่ในปัจจุบันคือ ความรัก ความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความสงบเรียบร้อย ทั้งด้านอาหารการกินและรอยยิ้ม หลายประเทศย้ายสถานประกอบการก็มุ่งมาที่ไทย อันนี้ไม่ใช่การประชาสัมพันธ์ แต่เป็นข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรมที่รับฟังจากภาคเอกชน ธุรกิจยานยนต์ที่เขาพร้อมอยากจะมาในไทย แต่ขอความมั่นใจว่ามันจะไม่เกิดความวุ่นวายขึ้น
“ฉะนั้น เป็นเรื่องของพวกเราทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแต่นายกฯ เป็นเรื่องของทุกคนที่จะช่วยทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย กฎหมายก็คือกฎหมาย วันนี้รัฐบาลพยายามฟัง สื่อสารทั้ง 2 ทาง เราบังคับใช้กฎหมายอย่างระมัดระวังที่สุด ไม่ได้ใช้อำนาจแบบไม่ถูกต้อง ดังนั้น ฝากทุกคนช่วยกันด้วย โดยเฉพาะสื่อที่มีบทบาทสูงในสังคมปัจจุบัน ทั้งสื่อโซเชียลด้วย ต้องย้อนกลับมาดูว่าจะทำให้บ้านเมืองสงบอย่างไร จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างไร เราจะได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศอย่างไร และจะทำให้คนไทยลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างไร นี่คือสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้าน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมมีการนำเสนอผลการประชุมเชิงปฏิบัติเวทีพลังสร้างสรรค์เยาวชนคนรุ่นใหม่จ.ระยอง โดยนายกฯและครม.รับฟังทุกเรื่องที่นักเรียน นักศึกษาเสนอ คือ1.การศึกษา การพัฒนาหลักสูตรในสถานศึกษา 2.การพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในจ.ระยอง 3.เยาวชนได้พูดถึงอนาคตของจ.ระยองในมุมมองของคนรุ่นใหม่ โดยทุกเรื่องนั้นเยาวชนได้เสนอทั้งสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความคาดหวัง รวมถึงข้อเสนอแนะโดยนายกฯรับเรื่องไว้ทั้งหมด เพื่อนำไปพิจารณาในรายละเอียด นอกจากนี้นายกฯได้แสดงความชื่นชมเยาวชนทุกคนว่าเป็นการนำเสนอที่มีความสร้างสรรค์และยินดีที่จะไปอีกหลายเวทีที่มีการนำเสนอในลักษณะแบบนี้ เพราะเป็นสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ร่วมกัน
นอกจากนี้ ในที่ประชุมมีการพูดคุยถึงการจ้างงาน โดยเฉพาะนักศึกษาที่จบใหม่ ซึ่งนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้นำเสนอให้มีการจัดเอ็กซ์โปเกี่ยวกับการจ้างงานทั่วประเทศ ซึ่งอาจจะมีการการจัดเป็นแพ็กเกจต่างๆออกมาเพื่อร่วมกับสถานประกอบการให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่นายกฯพูดคุยกับภาคเอกชนในการประชุมร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ระบุว่า หลายเรื่องที่ภาคเอกชนเสนอเข้ามานั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว อาทิ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เส้นทางคมนาคม ระบบนิเวศน์และแหล่งน้ำ หลายเรื่องบรรจุอยู่ในงบประมาณปี 2563 บางเรื่องอยู่ในแผน จึงสั่งการให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดูแล ย้ำว่าเห็นด้วยในหลักการทุกเรื่องที่นำเสนอ พร้อมทั้งอธิบายให้ภาคเอกชนเข้าใจว่าต้องมีการจัดลำดับการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งในช่วงที่พูดถึงงบประมาณนั้น นายกฯได้เปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่จ.ระยอง เข้ารับฟังและให้เสนอความคิดเห็นว่าอยากจะพัฒนาจ.ระยองอย่างไร โดยนายกฯย้ำว่า ให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจตามแนวคิดรวมไทยสร้างชาติ นอกจากนี้ นายกฯยังชื่นชมเยาวชนเหล่านี้มากๆ และระบุกับเยาวชนอีกว่า เห็นด้วยกับสิ่งที่เสนอมาและรับฟังทุกอย่าง แต่อยากให้เข้าใจว่าทุกอย่างต้องมีขั้นตอนและระเบียบ