"ม็อบ" ดาหน้าลงถนนเพียบ

แหล่งข่าวกองบังคับการตำรวจนครบาล1  (กก.สส.บก.น.1) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มีรายงานข่าวกิจกรรมการชุมนุมในพื้นที่ บก.น1 และพื้นที่ใกล้เคียง จำนวน 6 ม็อบ แต่ละหน่วยงานจัดกำลังดูแลเข้ม ระวังมือที่สามป่วน เริ่มตั้งแต่ วันอังคารที่ 8 กันยายน 2563 เวลา 09.00 น. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ถ.พิษณุโลก จะมีสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ พร้อมด้วยผู้ประกอบการที่เป็น "เครือข่ายอาชีพแท็กซี่สาธารณะ" นำโดย นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ วัตถุประสงค์ เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง คัดค้านการนำร่างกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาใช้ในการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารผ่าน แอพพลิเคชั่น (รถป้ายดำ) โดยมีข้อเรียกร้อง ดังนี้

1. ให้ยกลิกร่างกฎหมาย เเก้ พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 อนุญาตรถยนต์ส่วนบุคคล (รถยนต์และรถจักรยานยนต์ป้ายดำ) รับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น หรือระบบอื่นใด 2. ให้ยกร่างกฎหมายรถยนต์รับจ้างสาธารณะ (แท็กซี่) แก้ไข พ.ร.บ.พ.ศ.2522 ให้ขยายอายุรถยนต์รับจ้างสาธารณะ (แท็กซี่) จากเดิมเก้าปีให้ขยายอายุเป็นสิบสองปีตลอดไป 3. ให้ทบทวนประกาศกรมการขนส่งทางบกบังคับให้รถยนต์รับจ้างสาธารณะ (แท็กซี่) ต้องติดตั้งอุปกรณ์ Gps Taxi Ok ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้กับผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างสาธารณะ (แท็กซึ่) จากการออกกฎหมายบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 ผ่านมานานแล้วก็ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้จากแอพพลิเคชั่น Taxi Ok ของกรมการขนส่งทางบก 4. ขอให้ทบทวนตันทุนค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการแท็กซี่ที่ต้องแบกรับสูงขึ้น เช่น ค่าก๊าซ NGV ควรให้คงที่ราคาไม่เกิน กก./หรือต่อลิตรละ 10.00 บาท

5. ให้ช่วยเหลือดอกเบี้ยรถแท็กซี่ ที่มีการกำหนดดอกเบี้ยจากไฟแนนซ์ ขอให้ความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการแท็กซี่ ดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบการแท็กซี่สามารถรับได้ที่ไม่ควรเกิน 5% ต่อปี เทียบเท่ากับรถยนต์ทั่วไป ปัจจุบันนี้ดอกเบี้ยแท็กซี่มีการคิดแพงกว่ารถยนต์ทั่วไปถึง 15 % ต่อปี 6. ค่าเบี้ยประกันรถยนต์รับจ้างสาธารณะแท็กซี่ ประเกท 3 + พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัย ควรให้ปรับลดลงมาให้เทียบท่ากับรถยนต์ทั่วไป เนื่องจากปัจจุบันรากาจ่ายค่าประกันภัยรถแท็กซี่ + พ.ร.บ.ชั้น 3 สูงถึง 17,000 บาท ต่อปี/คัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการแท็กซี่มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการประกอบอาชีพแท็กซี่ โดยทางกลุ่มฯ ยืนยันจะไม่กลับ จนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ นายวรพล แกมขุนทด ได้แจ้งขอใช้พื้นที่ สน.ดุสิต และ สน.นางเลิ้ง เพื่อจอดรถบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล และถนนราชดำเนินนอก หน้ากระทรวงคมนาคม

ส่วนม็อบที่ 2 ในวัน พุธ ที่ 9 ก.ย.63 (ไม่ทราบเวลา) ที่รัฐสภา ปรากฏข่าวสาร นายกสมาคมประมง 22 จังหวัด นำโดย นายมงคล สุขเจริญคณา ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย จะเดินทางไปเพื่อแถลงข่าวประกาศ "เลิกอาชีพประมง",ม็อบที่ 3 ในวัน อาทิตย์ ที่ 13 ก.ย.63 ตั้งแต่เวลา 13.00 น.ที่ ริมทางเท้าหน้าร้านแมคโดนัลด์ สาขาถนนราชดำเนิน กลุ่มเลือกข้างประชาธิปไตย นำโดย นายภัทรพล ธนเดชพรเลิศ (ไก่บิ๊กแมน) จัดกิจกรรมชุมนุมครบรอบ 1 ปี กิจกรรมการชุมนุมของกลุ่มฯ

ม็อบที่4 วัน อาทิตย์ ที่ 13 ก.ย.63 เวลา 15.00-18.00 น. ที่ ศาลว่าการกรุงเทพ กลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ นำโดย นายภีระสิทธิ์ จิระวงศ์ไพศาล  วัตถุประสงค์ กรณีสะพานข้ามแยกต่างๆไม่สามารถให้รถจักรยานยนต์ใช้ได้ ,ม็อบที่ 5 วัน เสาร์ ที่ 19 ก.ย.63 ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ “กลุ่มประชาชนปลดแอก” จัดกิจกรรมชุมนุมใหญ่ ครบรอบรัฐประหารปี 2549 และวันที่  6 กันยายน 2563 “กลุ่มเกษตรกรพระราชา” จำนวนผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน นำโดย นายโกวิท เทพไพฑูรย์ ขณะนี้ กลุ่มฯพักค้างอยู่ที่ วัดช้าง จ.อ่างทอง (วันนี้ 7 ก.ย.63) จะมีผู้แทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปเจรจา ที่วัดช้าง จ.อ่างทอง หากผลการเจรจาเป็นที่พอใจ กลุ่มฯจะไม่นำมวลชนเดินทางเข้า กรุงเทพฯ) ต้องรอลุ้นเย็นนี้จะเข้ากรุงเทพฯหรือไม่