เปิดเทปลับ ฉบับเต็มคดี "บอส อยู่วิทยา"
แกะรอยต่อเนื่อง หวังไขปมคดี "บอส อยู่วิทยา" จากเทปลับฉบับเต็ม
หลังจากมีการรายงานข่าว "เปิดเทปลับ "อัยการ - บิ๊กตร."ปั้นความเร็วรถ"คดีบอส อยู่วิทยา" ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รายงานอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับหลักฐานที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐานผู้คำนวณความเร็วรถนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 นำไปมอบให้กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน เป็น ‘เทปบันทึกเสียง’ ที่ระบุเหตุการณ์วันที่มีการเปลี่ยนความเร็วรถเฟอร์รารี่
โดยก่อนหน้านี้การเปิดเผยรายงานสรุปจากนายวิชา ยืนยันว่า มีพยานหลักฐานที่พิสูจน์แล้วทางนิติวิทยาศาสตร์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 29 ก.พ.2559 ไม่ใช่วันที่ 26 ก.พ.2559 หรือ 2 มี.ค.2559 ตามที่ปรากฎ ข้อมูลในช่วงแรกแต่อย่างใด
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ยืนยันกับสำนักข่าวอิศราว่า หนึ่งในข้อมูลที่คณะกรรมการส่งมอบให้กับนายกรัฐมนตรี มีเทปบันทึกเสียงบทสนทนาตอนหนึ่งของเหตุการณ์วันที่ 29 ก.พ.2559 ที่ปรากฏให้เห็นถึงบทบาทของตัวละครสำคัญ ทั้งตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทนายความ และ อัยการ
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลส่วนนี้เป็นร่างเอกสารความยาว 18 หน้า ที่ดำเนินการถอดเทปเป็นข้อความในเดือน ก.ย.2563 โดยเป็นเทปเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2559 ซึ่งอาจทำให้การถอดเทปเกิดความคลาดเคลื่อนในการเขียน ยศในอดีตและปัจจุบันของบุคคลคนเดียวกัน
สำหรับรายละเอียดเอกสารจำนวน 18 หน้ามีดังต่อไปนี้
ทั้งหมดเป็นเพียงบทสนทนาส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถของนายวรยุทธ ที่ปรากฎให้เห็นพฤติการณ์ตามที่ข้อมูลที่คณะกรรมการและนายวิชาได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนไปก่อนหน้านี้ โดยรายงานฉบับสมบูรณ์ที่ส่งให้กับนายกรัฐมนตรี นายวิชา ยืนยันว่า ได้ระบุชื่อและตำแหน่งที่ชัดเจนของตัวละครทั้งหมดให้กับนายกรัฐมนตรีให้รับทราบ
ขณะที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นำประเด็นข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการไปดำเนินการต่อ โดยเฉพาะการดำเนินการบุคคลที่เกี่ยวข้องกับความผิดทางอาญา วินัย และจริยธรรม ที่ระบุว่ามีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 8 กลุ่มตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้
ที่มา : สำนักงานอิศรา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง