นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ 5 แผนงานเชิงนโยบายพลังงานและรับทราบ 5 แนวทาง ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ โดยเห็นชอบ 5 แผนเชิงนโยบายด้านพลังงาน ได้แก่
(1) ร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561 – 2580 (Alternative Energy Development Plan 2018 : AEDP2018)
(2) ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 – 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (Power Development Plan : PDP2018 Rev.1)
(3) ร่างแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2561 – 2580 (Energy Efficiency Plan : EEP2018)
(4) ร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2561 – 2580 (Gas Plan 2018)
(5) แผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2563 – 2567
นอกจากนั้นแล้วยังรับทราบ 5 แนวทางบริหารจัดการกิจการพลังงาน ได้แก่
(1) แนวทางการส่งเสริมพื้นที่ติดตั้งสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station Mapping)
(2) การศึกษาอัตราค่าไฟฟ้าและการจัดการระบบจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า
(3) โครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (ERC Sandbox)
(4) การกำหนดอัตราส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(5) ขอปรับปรุงหลักการและรายละเอียดโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งหมดนี้เป็นกรอบแผนปฏิบัติการด้านพลังงานของประเทศไทยในระยะยาว เพื่อให้หน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านพลังงานของประเทศ อาทิ การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2580 การส่งเสริมการใช้ก๊าชธรรมชาติในภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศ
การสำรวจและจัดหาก๊าชธรรมชาติให้มีความสมดุลย์และเพียงพอ รวมทั้งแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการเดินหน้าตามแผนงานนโยบายพลังงานดังกล่าว จะสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ รองรับเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของโลกในอนาคต ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วย