รายการ “เนชั่นสุดสัปดาห์ กับ 3 บก.” ซึ่งดำเนินรายการโดย นายสมชาย มีเสน นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร และ นายบากบั่น บุญเลิศ ออกอากาศทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 และเผยแพร่ทางเพจ เนชั่นสุดสัปดาห์, FB, Yutube กรุงเทพธุรกิจ และ FB, Yutube ฐานเศรษฐกิจ ในเวลา 19.00 น. วันเสาร์ที่ 28 พ.ย.2563 ได้วิเคราะห์แนวโน้มของคดี “บ้านพักทหาร” ของ พล.อ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะลงมติวินิจฉัยในวันพุธที่ 2 ธ.ค.2563 นี้
3 บก.ระบุว่า เวลานี้ความสนใจทางการเมืองของสังคม มองไปที่วันที่ 2 ธ.ค.นี้ ว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พักบ้านรับรองทหารจะขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายกันจบหมดแล้ว ซึ่งนายกฯ ลุ้นระทึก คนไทยก็ลุ้น เพราะถ้านายกฯ “โดน” การเมืองเปลี่ยน ส่วนจะเปลี่ยนดีขึ้น หรือเลวลง อันนี้ไม่รู้
สำหรับขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ในวันที่ 2 ธ.ค. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน จะนำคำแถลงส่วนตนมาแถลงร่วมกันในเวลา 10.00 น. เสร็จแล้ว ก็ดูว่าคำวินิจฉัยฝ่ายไหนชนะ ถ้าฝ่ายไหนชนะก็เอาคำวินิจฉัยฝ่ายนั้นมาเขียนรวมกันเป็น “คำวินิจฉัยกลาง” เพื่อออกนั่งบัลลังก์อ่านผลการวินิจฉัยในในเวลา 15.00 น.
คนที่ระทึกอย่างมาก คือ “ลุงตู่”
สำหรับ “คดีบ้านพักทหาร” เป็นผลมาจากพรรคเพื่อไทย ยื่นผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า กรณี นายกฯ พักบ้านพักรับรองของกองทัพบก ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ ในเรื่องผลประประโยชน์ขัดกันหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาล เป็นระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อต่อสู้คดี และได้ยอมรับว่า ได้อยู่ในบ้านพักทหารจริง
ส่วนที่ไม่ไปอาศัยในบ้านพักรับรองนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก เป็นเพราะขณะนั้นบ้านพักพิษณุโลก อยู่ระหว่างการซ่อมแซมปรับปรุง ขณะที่ทีมงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยประจำตัวให้คำแนะนำว่า บ้านพักทหารที่อาศัยอยู่สะดวกในเรื่องการดูแลความปลอดภัยมากกว่า
ขณะที่ กองทัพบก ที่ได้ส่งหนังสือชี้แจบศาลรัฐธรรมนูญ โดยฉบับแรกลงนามโดย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ขณะนั้น และต่อมา เมื่อ บิ๊กบี้ - พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ขึ้นเป็นผบ.ทบ.ก็ได้ส่งหนังสือชี้แจงระเบียบต่างๆ ของกองทัพบกเกี่ยวกับการอยู่บ้านพักทหาร ต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง ชี้ว่าการอยู่บ้านพักทหารของอดีต ผบ.ทบ.ที่เกษียณแล้ว เป็นเรื่องของระเบียบที่ได้รับการยกเว้น
นายสมชาย ระบุว่า “คดีนี้ผมฝันแล้ว ฝันว่า นายกฯรอด และปกติแล้วผมฝันแม่น”
ขณะที่นายบากบั่น กล่าวว่า “ผมได้ยินว่าตอนนี้ เลขวิ่งมี 6-3 7-2 แต่เลขวิ่งมันจะวิ่งตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค."
นายสมชาย กล่าวเสริมว่า “เอาเป็นว่า ผมฝันว่า ท่านนายกฯ รอด”
แต่ถ้าไม่เป็นไปตามฝัน แต่ถ้าไม่รอด ก็ต้องเลือกนายกฯ กันใหม่ มีตัวเลือก จากบัญชีนายกฯของพรรคการเมือง ที่มีส.ส.เกิน 25 คน
พรรคพลังประชารัฐ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พรรคภูมิใจไทย คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล
พรรคประชาธิปัตย์ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แม้จะลาออกจากส.ส.แล้ว แต่ยังเป็นสมาชิกพรรค และอยู่ในบัญชีนายกฯ ของพรรค
พรรคเพื่อไทย มี 3 คน คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ นายชัยเกษม นิติสิริ
ปัญหาอยู่ที่ว่าพรรคพลังประชารัฐ จะยอมมั้ย? ถ้าเป็นคนอื่นนอกจาก พล.อ.ประยุทธ์
แต่ถ้าสภาประชุมกันแล้ว สภาไม่ยอม ก็ต้องไขกุญแจปลดล็อคตามรัฐธรรมนูญ การจะปลดล็อคได้ ก็ต้องโหวต 2 ครั้ง ครั้งแรก ใช้เสียงสมาชิก 2 ใน 3 ของรัฐสภา คือ 500 จาก 750 คน แต่ตอนนี้มีไม่ถึง 750 คน เอาเป็นว่า ต้องมี 490 คน โหวตเห็นร่วมกันเพื่อผ่าวิกฤติของประเทศ ให้นายกฯ มาจากคนนอกได้
แล้วสภาก็มาเสนอว่าจะเป็นใคร แล้วต้องใช้เสียง 350 เสียง หรือกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ถือเป็น “คนนอกบัญชี” แต่มาจากรัฐสภา หรือ “นอกสภา” ก็ได้ แต่ถ้ามีเงือนไขให้เป็นคนมาจากส.ส. ก็มีตัวเลือกคนนอกจากบัญชีพรรคที่เสนอกันไว้ตั้งแต่ต้น จะเป็น นายชวน หลีกภัย (ประธานรัฐสภา และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์) มีโอกาสมาก เพราะตอนนี้ คุณชวน เป็นคนที่ดับกระแสในหลายๆ เรื่อง หลายๆ คนบอกว่า คุณชวน เป็นคนกลางจริงๆ
3 บก.สรุปว่า หากนายกฯ ได้ไปต่อ แต่การได้ไปต่อของนายกฯ ก็ยังมีพายุลูกใหญ่ที่ต้องเผชิญ...