“บิ๊กตู่”มั่นใจทำดีสิ่งศักสิทธิ์คุ้มครองไม่กังวลคดี“บ้านพักทหาร”

30 พ.ย. 2563 | 08:09 น.

“บิ๊กตู่”มั่นใจทำดีสิ่งศักสิทธิ์คุ้มครอง ไม่กังวลศาลรธน.ตัดสินคดี “บ้านพักทหาร” เตือนม็อบรวมตัวกดดันศาลอาจผิดก.ม. 


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยสถานภาพนายกรัฐมนตรีคดีบ้านพักทหาร ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ว่า ขออย่าคาดเดาล่วงหน้า เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังให้ความสำคัญในเรื่องนี้ แต่ตนไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเคารพในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าตัดสินออกมาอย่างไร จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นในขณะนี้


“ไม่ต้องเตรียมแผนรับรองคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ขอฟังคำตัดสินของศาลก่อน จึงจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป อย่าไปคิดล่วงหน้ามากนัก ผมเคารพทุกอย่าง ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรก็รับได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

 

ส่วนจะเตรียมการย้ายไปอยู่ที่บ้านพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องดูความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้การซ่อมแซมก็ยังไม่เรียบร้อย เนื่องจากชำรุดไปตามเวลา และบ้านพักหลังดังกล่าวใหญ่โตเกินไป ไม่เกี่ยวกับข่าวลืออาภรรพ์บ้านพัก เพราะตนตั้งใจไปทำความดี พระตนก็ไหว้ ถ้าทำความดีเผื่อแผ่นดิน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องคุ้มครอง


“ที่ผมยืนอยู่ทุกวันนี้เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครอง ที่จะทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าผมก็ระมัดระวังอย่างถึงที่สุด เพราะตอนนี้มีกลไกทางการเมือง ผมเข้ามาวันนี้กับวันนั้น มันคนละช่วงเวลากัน การทุจริต ผิดกฎหมาย ผมก็ไม่ได้ทำ ไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อประโยชน์ส่วนตนเลยสักอย่าง เพราะผมมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป” 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

3 บก.วิเคราะห์ฟันธง“บิ๊กตู่”รอด! คดีบ้านพักทหาร

ลุ้น‘บิ๊กตู่’ หลุดนายกฯหรือไม่ คดีบ้านพักทหาร


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ได้เตรียมบ้านพักส่วนตัวเอาไว้ หากศาลตัดสินไม่ให้อยู่ก็ไป แต่บ้านส่วนตัวมีพื้นที่จำกัด และยังมีเรื่องการดูแลความปลอดภัยของผู้นำประเทศด้วย แม้จะคิดว่าจะไม่มีใครมาทำร้าย แต่ผู้นำของประเทศก็ต้องมีการคุ้มครอง ซึ่งในทุกประเทศก็มีการคุ้มครองผู้นำอยู่แล้ว


เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในทิศทางที่เป็นลบ จะส่งผลต่อคณะรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกับคณะรัฐมนตรี ขออย่าคิดล่วงหน้ามากนัก เมื่อถึงเวลาการตัดสินใจง่ายอยู่แล้ว ผลออกมาอย่างไรก็ตามนั้น ตนไม่กังวลอะไร สิ่งที่กังวลอยู่อย่างเดียวคือจะทำอย่างไรให้ประเทศปลอดภัย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ปลอดภัย ประชาชนทุกคนต้องมีความรักสามัคคี แต่ทุกคนกลับโทษว่าเป็นความผิดของนายกฯ เพียงคนเดียว ไม่เคยมองว่าที่ผ่านมาตนทำอะไรมาบ้าง ทุกคนก็ลืมไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องแค่ การรักษาความสงบเรียบร้อยเพียงอย่างเดียว ตนทำอะไรมาตั้งเยอะแยะ ขอให้ไปหาดู

 

 

 

ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมนัดรวมตัวกันที่ศาลรัฐธรรมนูญนั้น คิดว่าไม่น่าจะถูกต้อง การเดินทางไปกดดันในสถานที่ต่างๆ อาจจะผิดกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านั้นศาลรัฐธรรมนูญเคยมีมาตรการมาแล้วหลังจากที่คนไปประกาศและกดดันมาตรการต่างๆ ของศาล จนกลายเป็นคดีความ ขอให้ระมัดระวัง สำหรับกรณีที่สังคมกำลังเอือมระอากับการชุมนุมนั้น ต้องฟังความทั้งสองฝ่าย


“อยากให้เข้าใจว่ากรกรีที่รัฐบาลจะต้องจัดการเด็ดขาดในการบังคับใช้กฎหมาย และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงหลักการและเหตุผลในการบังคับใช้กฎหมายมีขั้นตอนและกระบวนการมากมาย รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีหลายฉบับ แต่ทั้งนี้ต้องดูเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทั้งของผู้ชุมนุมและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างกัน อยากให้ระมัดระวังเรื่องการสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น การชุมนุมในพื้นที่ปิดจะดีกว่าไปยึดถนนทำให้คนเดือดร้อนจากการจราจรที่ติดขัด อยากให้พิจารณาถึงสังคมโดยรวมด้วย”