พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้มีการหารือถึงการเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ (ซักฟอก) รัฐบาล ในต้นปี 2564 ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านได้แบ่งหน้าที่กันทำงาน รวมรวบข้อมูลที่มีการทุจริตของรัฐบาล
นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นว่า ตลอด 6 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สร้างความเสียหายกับประเทศมหาศาลแค่ๆ ไหน
นอกจากนี้ การทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ สร้างวิกฤติประเทศ ทั้งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก เอสเอ็มอี บริหารงานยากมาก นอกจากนี้รัฐบาล ประกาศว่าไม่มีการทุจริตหากมีก็ให้เอาหลักฐานมากางเลย แต่พอจับได้ไล่ทันก็ไม่ยอมรับ รัฐบาลอ้างว่าตั้งคณะกรรมการสอบแล้วแต่ผลสอบออกมาแบบไหนไม่มีใครทราบ การให้ลูกน้องสอบเจ้านายก็ไม่น่าเชื่อถือแล้ว
ดังนั้น การตรวจสอบทุจริตรัฐบาลนี้ยากมาก ประกอบกับการเปิดเผยตัวเลขทุจริตจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่ามีทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างมากที่สุด 207,060 ล้านบาท รองลงไปเป็นเรื่องการดำเนินการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ วงเงิน 23,840 ล้านบาท
“การอภิปรายครั้งนี้จะชี้ให้เห็นถึงการทำงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล การบริหารจัดการที่ผิดพลาดส่งผลให้ประเทศเสียหาย รวมทั้งไม่ยอมรับการตรวจสอบจากฝ่ายการเมือง องค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบ มีการใช้อำนาจนอกระบบไปจัดการกับหลักฐาน ดังนั้น พรรคฝ่ายค้านจึงต้องใช้เวทีสภาฟ้องประชาชน เพื่อให้ประชาชนร่วมตรวจสอบทุจริตของรัฐบาล” นายวิสาร ระบุ
วางปมซักฟอกหลังปีใหม่
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (สิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า เรื่องการกำกับและตรวจสอบรัฐบาลนั้น เป็นเรื่องที่เราทำกันมานานแล้ว ระหว่างนี้หากใครพบประเด็นอะไรก็ให้เก็บไว้แล้วหาข้อมูล
“เวลานี้มาสรุปกันรอบหนึ่งแล้วว่า มีหลายเรื่องที่เข้าเกณฑ์สามารถนำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ และระหว่างนี้ให้แต่ละพรรคไปหาข้อมูลเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ที่สุด เชื่อว่าหลังปีใหม่น่าจะได้ข้อสรุป โดยอาจจะยื่นญัตติได้ประมาณเดือนมกราคม 2564 เนื่องจากสมัยประชุมสภานี้จะสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์
นายสุทิน ระบุว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจยังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล้มเหลว หากความล้มเหลวเกิดจากเหตุสุดวิสัยนั้นไม่เป็นไร แต่ปรากฏว่า ความล้มเหลวเกิดจากการไม่รู้เรื่อง และการวิเคราะห์ที่ผิดพลาด และเกิดการทุจริตซํ้า เป็นเรื่องไม่น่าให้อภัย เพราะทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดของรัฐบาล รวมทั้งยังมีอีกหลายเรื่องที่ได้สร้างความเสียหายในวงกว้างและเป็นการวางพื้นฐานให้เกิดทางตันในระยะยาว
“เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาการชุมนุมทางการเมือง ที่เรามีข้อมูลลึกๆ ว่า มีบางเรื่องที่รัฐบาลไม่ควรทำ เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังผิดหลักมนุษยธรรม” นายสุทิน ระบุ
ถล่มบ้านพักนายกฯอีก
ส่วนการอภิปรายครั้งนี้จะเกิดเหตุการณ์ที่ฝ่ายค้านมาหักเหลี่ยมกันเองเหมือนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่มีแน่นอน เพราะที่ผ่านมาประสบการณ์ในการเป็นฝ่ายค้านยังน้อย และพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างเป็นส.ส.มือใหม่หัดขับเท่านั้น ดังนั้น เราอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง คือ ความไม่เจนจัด แต่มาวันนี้เราเชื่อว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคมีประสบการณ์และเล่นเข้าขากันแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งจะมีการติวเข้มกันเป็นปกติ และตรวจสอบข้อมูลกันให้ครบถ้วนต่อไป
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็มีการมองประเด็นต่างๆ ไว้ เช่น การพักบ้านพักทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินไปแล้ว แต่ในสภาฯ สามารถนำเรื่องนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ได้
ล็อกเป้านายกฯคนเดียว
ว่ากันว่า... สิ่งที่จะทำให้รัฐบาลระคายผิวได้ก็คือ การที่พรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกรัฐมนตรี” เป็นการ เฉพาะเจาะจงคนเดียวเลข ซึ่งทางรัฐบาลก็ต้องตั้งรับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะครั้งนี้ฝ่ายค้านคงไม่ยื่นอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่น
ทั้งนี้ ประเด็นที่คาดว่าอยู่ในข่ายที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาทิ 1. กรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว 2. กรณีเหมืองทองอัครา 3. กรณีนายกฯพักบ้านหลวง ภาค 2 และ 4. ปัญหาการทุจริตในรัฐบาล
คาดว่าในปีหน้า พรรคเพื่อไทย อาจจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีคนเดียว ก็เป็นไปได้