ชำแหละ จุดอ่อนรัฐบาล เอื้อพวกพ้องปมโฮปเวลล์

17 ก.พ. 2564 | 04:20 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.พ. 2564 | 04:23 น.

ฝ่ายค้านชำแหละจุดอ่อนรัฐบาล “สมพงษ์” อัดเป็น “รัฐบาลปรสิต” กัดกร่อนอนาคต “สุทิน” เปิดแผล “วัคซีนโควิด-บ่อนพนัน-ค่าโง่โฮปเวลล์-เหมืองทองอัครา” เอื้อพวกพ้อง 

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 10 คน วันที่ 16 ก.พ. 2564 ซึ่งเป็นวันแรก และจะอภิปรายต่อเนื่อง 4 วัน 4 คืน 

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน ได้อ่านญัตติการอภิปรายฯ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคล 10 คน โดยไล่เลียงข้อกล่าวหาตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. และรัฐมนตรีอีก 9 คน

 

ชำแหละ จุดอ่อนรัฐบาล เอื้อพวกพ้องปมโฮปเวลล์  

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

สมพงษ์อัดรัฐบาลปรสิต

นายสมพงษ์ระบุว่า วันนี้เป็นวันที่จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นวันเริ่มต้นนับถอยหลังไปสู่จุดจบของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ การอภิปรายจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะเปิดเผยความไร้ประสิทธิภาพ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติเสียหาย ประชาชนมีความทุกข์ยากจากปัญหาปากท้อง เกิดการทุจริตฉ้อฉลและคุกคามเสรีภาพของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กลับบริหารประเทศแบบคิดไป ทำไป ไม่วางแผน ไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม และโยนความผิดให้ประชาชน ทำให้เมื่อเผชิญวิกฤติิ อย่างโรคโควิด-19 ประชาชนจึงทุกข์ยากสาหัส ธุรกิจใหญ่น้อยต้องทยอยล้มลง แม้ธุรกิจที่ยืนหยัดต้านทุกวิกฤติิ มาได้หลายสิบปี ก็ต้องปิดกิจการในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์

 

ชำแหละ จุดอ่อนรัฐบาล เอื้อพวกพ้องปมโฮปเวลล์

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์

 

“แสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถรวมพลังผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จึงเป็นได้เพียง “รัฐบาลปรสิต” ที่กัดกร่อนอนาคตของประเทศ และกลืนกินความฝันของประชาชน ดังนั้น เราต้องร่วมสร้างการเมืองแห่งความหวัง โดยฝ่ายค้านพร้อมจะทำหน้าที่เพื่อแสดงหลักฐานว่าเราไม่อาจยินยอมให้พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป แล้วฉุดรั้งให้ชีวิตประชาชนจมดิ่งสู่ความทุกข์ทนยิ่งกว่านี้อีก เชื่อมั่นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นแสงแห่งความหวัง เพื่อไล่ความมืดมนที่ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างไว้มาเกือบ 7 ปี”

 

ชี้ต้นตอโควิดระบาด

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ประเทศมีปัญหาหลายอย่างทั้งเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงไปถึงปัญหาสังคม ซึ่งในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้นหากเทียบกับยุคยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ  

นอกจากนี้ตัวเลขบ่อนก็สูงขึ้น นายกฯ จะได้รู้ว่าผู้นำประเทศที่เป็นชายชาติทหาร มีอำนาจในมือ เคยเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ยึดอำนาจมา แล้วอยู่ใน ครม.ชุดนี้มีอดีต ผบ.ทบ. 3 คน แล้ว ส.ส.ก็ของท่าน เสียงสภาส่วนใหญ่ก็ของท่านแล้วเส้นใหญ่ด้วย อำนาจเต็มมือ ทำไมจึงปราบบ่อนไม่ได้ และแผลงฤทธิ์จนเกิดโควิด ต้องใช้เงินเท่าไรต้องนำมาตามแก้แล้วคุ้มไหมกับการรับส่วย รวมถึงยาเสพติดก็ระบาด ขายเกลื่อนในชุมชน 3 เม็ดร้อย 

ทั้งนี้การที่นายกฯ ยอมรับแล้วว่าปราบไม่ได้ และหมดปัญญาแก้ปัญหาสังคม ซึ่งชาวบ้านจะอยู่อย่างไร ส่วนเรื่องโควิดแก้ปัญหาล้มเหลวหรือไม่ให้ดู 3 เรื่อง คือ ระบาดรอบสองอะไรคือต้นเหตุ ส่วนหนึ่งมาจากแรงงานเถื่อน ประชาชนการ์ดไม่ตกแต่เป็นรัฐบาลเองที่การ์ดตกเอง การเยียวยา ดูแล ควบคุม ดำเนินการอย่างไรตัวเลขถึงยังพุ่งขึ้น แต่การสะกัดยับยั้งวันนี้ยังไม่ได้ผล และการเยียวยาก็มีปัญหามาก ได้รับไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และสุดท้ายจะเอาอย่างไรกับอนาคตโควิด ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครตอบได้ แต่วัคซีน คือคำตอบ ซึ่งมนุษยชาติรอความหวังจากวัคซีน ทุกชาติต่างหา แต่ประเทศไทยวันนี้ยังไม่ได้และได้ช้ากว่าคนอื่นเขา 

 

เปิดพิรุธค่าโง่โฮปเวลล์

นอกจากนี้รัฐบาลยังล้มเหลวในการบริหารประเทศ 8 เหตุ เช่น วิธีคิดมีปัญหา คิดว่าประชาชนเป็นภาระ และนายกฯ ไม่ยอมรับความจริง นอกจากนี้คือไม่เป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ เรามีผู้นำที่มีปมด้อยทำให้ประเทศมีปมด้อยด้วย หากวันนี้มีนายกฯ คนใหม่ที่เป็นที่ยอมรับจริง สิ่งที่ยากก็จะกลายเป็นง่าย 

ส่วนอุปสรรคใหญ่ที่สุดคือ ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการหาเงินไม่เป็น แล้วมารีดภาษีจากประชาชน นอกจากหาเงินไม่พอแล้วยังมีการโกง มีการทุจริตซํ้าซ้อนซึ่งเป็นเหตุให้ล้มเหลว ในการบริหารประเทศ ทั่วประเทศมีการทำโครงการเอื้อประโยชน์พวกพ้อง เจตนาจัดซื้อจัดจ้างหลบเลี่ยงกฎหมาย ซึ่งลักษณะแบบนี้มีอยู่ทุกจังหวัด 

นายสุทิน ระบุว่า ในการเอื้อพวกพ้อง ใครเป็นพวกท่านก็ละเว้นหมด เช่น ค่าโง่โฮปเวลล์ ซึ่งเรื่องนี้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องแต่เป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องชี้แจง เรื่องที่ทำให้มีเสาตอม่อโผล่อยู่เต็มกทม. ท่านไปยกเลิกสัญญาปี 2542 แบบประมาทเลินเล่อ จนเป็นเหตุให้มีการฟ้องร้อง กระทั่งศาลปกครองสูงสุดสั่งให้รัฐบาลต้องชดใช้ 25,000 ล้านบาท 

และแนวทางที่ชดใช้คือ 1. รัฐบาลต้องชดใช้เอง 2. รัฐบาลต้องไปฟ้องร้องรัฐมนตรีที่ยกเลิกสัญญา คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ทางที่ถูก ต้องทำตาม พ.ร.บ.การกระทำละเมิดเจ้าหน้าที่รัฐ รัฐบาลต้องไปตั้งคณะ กรรมการตรวจสอบว่ามีการละเมิดร้ายแรงจริงหรือไม่ แล้วส่งศาลเพื่อ ให้ผู้กระทำผิดชดใช้อย่างเช่น กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อกรณีจำนำข้าว แต่ทำไมรัฐบาลไม่ทำ 

“จริงๆ แล้วรัฐบาลควรฟ้องภายใน 2 ปีตามอายุความ คือเดือน เม.ย. 2562 ซึ่งจะครบ 2 ปีในเดือน เม.ย. 2564 ดังนั้น รัฐบาลจึงมีเวลาแค่ 2 เดือนในการฟ้องผู้ที่ละเมิด ถ้าเลย 2 เดือน รัฐบาลต้องเป็นผู้ชดใช้ จึงอยากถามเพื่อจะวัดหัวใจนายกฯ และรัฐบาลว่าจะเอาเงินจากนายสุเทพ หรือจากรัฐบาล และหากผ่านพ้น 2 เดือนไปแล้วนายกฯ ไม่ทำอะไร พวกตนจะดำเนินการตามมาตรการ 157 กับนายกฯ ซึ่งชื่อว่านายกฯ คงไม่กล้าเพราะรัฐมนตรีท่านนี้มีบุญคุณส่งเสียให้ท่านเป็นนายกฯ” 

นายสุทิน กล่าวด้วยว่า รัฐบาลใช้เทคนิคเซียนเหยียบเมฆ ด้วยการบอกว่าคดียังไม่สิ้นสุด โดยใช้กระบวน การศาลรัฐธรรมนูญยกเลิกคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด เพื่อจะได้ไม่ต้องเอาผิดกับผู้ที่ละเมิด แต่เชื่อว่าสู้ให้ตายก็ไม่ชนะ เพราะไม่มีอะไรมากลับคำพิพากษาของศาลปกครองได้ แต่สุดท้ายรัฐบาลก็จะสู้ไม่หยุดจนหมดอายุความ

 

งัดเหมืองทองอัคราถล่ม

นายสุทิน ยังกล่าวถึงกรณีเหมืองทองอัครา ซึ่งป็นจุดด่างพร้อยจากการที่ใช้ ม.44 พรํ่าเพรื่อ ซึ่งค่าเสียหายอยู่ที่ประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท นายกฯ ยังเคยพูดว่าจะรับผิดชอบเอง แต่เอาเข้าจริงมาถึงวันนี้กลับไม่ใช่ เรากำลังรอคอยว่าสุดท้ายแล้ว คำตัดสินจะไปจบที่ตรงไหน จะลงเอยแบบโฮปเวลล์หรือไม่ จะปัดความรับผิดชอบ โดยยกประโยชน์ของแผ่นดินให้บริษัทเหมืองทองอัคราแทนหรือไม่ 

“ผลประโยชน์ที่ท่านจะยกให้มีค่ามากกว่าเหมืองทั้งหมด เป็นพื้นที่ดินกว่า 3 แสนไร่ เพื่อแลกกับการถอนฟ้อง ท้ายที่สุดท่านก็จะเป็นเบ๊ให้เขาขี่คอ ถือว่าการกระทำของท่านขาดศีลธรรมอย่างหนักในการเป็นนายกฯ ขาดภาวะผู้นำ” นายสุทิน ระบุ

 

“วิษณุ”โต้เอื้อปมโฮปเวลล์

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีการชำระค่าเสียหายจากโครงการโฮปเวลล์ให้กับเอกชนว่า กรณีการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางละเมิดกับบุคคลที่สร้างความเสียหายนั้น ไม่หมดอายุความในเดือนเม.ย. 2564 เนื่องจากตามมาตรา 9 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ กำหนดให้ฟ้องร้องไล่เบี้ยกับเจ้าหน้าที่ เพื่อชำระค่าเสียหาย แต่เรื่องดังกล่าวรัฐยังไม่เคยจ่ายค่าเสียหาย แม้ศาลจะตัดสินให้รัฐต้องชดใช้ แต่เมื่อรัฐยังไม่ชดใช้ จึงไม่สามารถไล่เบี้ยเอาจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือรัฐมนตรีได้ 

“ไม่ใช่เพราะคดีไม่ถึงที่สุด แต่รัฐไม่ได้ชำระเงิน เมื่อไม่ได้จ่าย จึงไม่เสียหาย การนับอายุความคือ นับจากวันที่ชดใช้ อย่างไรก็ดีอายุความยังกำหนดไว้ในมาตรา 10 ด้วย แต่กำหนดว่า เจ้าหน้าที่รัฐสร้างความเสียหาย หรือ ละเมิดรัฐ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ผู้ว่าการรถไฟฯ รัฐมนตรี กระทำละเมิดต่อกระทรวงคมนาคม ดังนั้นจึงไม่นำมาใช้ในกรณีดังกล่าว ดังนั้นกรณีการนับอายุความ 1 ปี จะเริ่มเมื่อ รัฐจ่ายค่าชดใช้ให้กับบริษัทโฮปเวลล์ ดังนั้นกรณีดังกล่าวยังเป็นปัญหาพิจารณาต่อไป” นายวิษณุ ระบุ 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,654 หน้า 12 วันที่ 18 - 20 กุมภาพันธ์ 2564