นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การเงินการคลังของประเทศไทย ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วง 7 ปี ที่ผ่านมา มิได้ส่ออาการป่วย แต่เป็นการฟื้นไข้ และพร้อมแข่งขันในตลาดโลกมากกว่า
และที่นายกฯ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาถึงการรายงานความเสี่ยงฐานะการเงินการคลังของประเทศไทยให้ ครม.รับทราบนั้น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกฯ ได้ออกมายืนยันแล้วว่า เป็นการรายงานประจำปี ที่กระทรวงการคลังเสนอรัฐบาล เหมือนรายงานประจำปีของบริษัทเอกชนทั่วไป ที่จะกล่าวถึงความเสี่ยงและโอกาสทางการคลัง ที่อาจจะเกิดขึ้น
นายเสกสกล ยังมองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 แม้จะทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ แต่ทั่วโลกก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียว ส่วนคนที่ออกมาวิจารณ์ถ้ามีความรู้จริง ก็น่าจะเข้าใจดีและไม่ควรบิดเบือน สร้างความตระหนก เข้าใจผิด
ทั้งนี้ยังถือเป็นเรื่องที่ดี หากรัฐบาลจะวิเคราะห์ความเสี่ยงของตัวเอง เพื่อแสวงหาแนวทางที่ดีที่สุด ท่ามกลางวิกฤติโควิดทั่วโลก ในการรับมือและฟื้นฟูสถานการณ์ต่อไปได้อย่างไร โดยมองไปข้างหน้า และออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วงเหลือทุกกลุ่ม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ขณะที่กรณีมีผู้บิดเบือนว่าจะมีการจัดเก็บภาษี VAT เพิ่มจากร้อยละ 7 เป็น ร้อยละ 10 นั้น ก็ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งนายกฯ รองนายกฯ และ รมต.คลัง ก็ออกมายืนยันแล้ว และที่สำคัญประเทศไทยคงภาษี VAT ที่ร้อยละ 7 มานานแล้ว ซึ่งต่ำที่สุดในอาเซียนด้วย ถือว่าต่ำกว่าภาษี VAT เฉลี่ยทั่วโลกที่ร้อยละ 15 แต่เราก็พัฒนาประเทศได้อย่างต่อเนื่อง และมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากมายโดยเฉพาะในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ฯ ช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เช่น สงกรานต์นี้ พี่น้องชาวอีสานก็จะได้ทดลองใช้มอเตอร์เวย์ “ฟรี” ลดเวลาเดินทาง และสะดวกรวดเร็วขึ้น
สำหรับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วงนี้ที่เศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ที่การซื้อขายลดลง ฐานรายได้ของประชาชนและห้างร้านต่าง ๆ ลดลง ส่งผลให้การเสียภาษีของประชาชนและห้างร้านจึงลดลงด้วย ทำให้รายได้ของรัฐบาลก็ลดลงตามไปด้วย
แต่รัฐบาลก็ยังสามารถบริหารงบประมาณมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องได้ เช่น คนละครึ่ง, ม.33, เรารักกัน, เราชนะ, เราเที่ยวด้วยกัน, ที่ชาวบ้านก็ชื่นชม เพราะจับต้องได้ แบ่งเบาภาระได้จริง อีกไม่นานเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ มั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลก็จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น
“เรื่องนี้นายกฯ ได้ออกมายืนยันแล้วว่าสถานะทางการเงินของประเทศแม้ในช่วงนี้เงินรายได้มีจำกัด แต่สถานการณ์การเงินเรายังดีอยู่ และรองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ ก็ยืนยันแล้วเช่นเดียวกันว่า ยังไม่เห็นสัญญาณว่ารัฐบาลจะถังแตก
ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนมั่นใจในตรงนี้ว่า การเงินการคลังของประเทศไทยยังดีอยู่ ซึ่งนายกฯและรัฐบาล จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะหามาตรการต่างๆ ออกมาให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ยังขอให้ประชาชนฟังข่าวสารจากนายกฯ และรัฐบาลเป็นหลัก อย่าไปหลงเชื่อข่าวลวงข่าวปล่อย”