ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 13 ก.ค. 64 เป็นการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม
รายงานข่าวเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การประชุมครม.วันนี้มีจุดที่น่าสนใจและมีบรรยากาศแปลกกว่าการประชุมครม.ทุกครั้งที่ผ่านมาในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ เนื่องจากว่า ครม.ครั้งนี้ กว่าจะเริ่มเข้าสู่วาระพิจารณา ที่กระทรวงต่างๆเสนอวาระผ่านสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)เข้ามา
ปรากฏว่า พลเอกประยุทธ์ ใช้เวลานานประมาณ 2 ชั่วโมง ในการเปิดประชุมและพูดคุยทำความเข้าใจ ซักถาม ให้นโยบายและเปิดให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ได้เปิดใจพูดคุยกัน ซึ่งบรรยากาศในช่วงนี้ มีรัฐมนตรีบางกระทรวง มีการพูดคุย ซักถาม สอบถามการทำงานของกันและกัน “อย่างถึงพริกถึงขิง”
“บรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด บรรยากาศผิดไปจากการประชุมครม.ทุกครั้ง แม้วันนี้จะเป็นการประชุมออนไลน์ก็ตาม” รายงานข่าวระบุ
ทำให้เป็นที่น่าสังเกตว่าการประชุมครม.รอบนี้ เริ่มมีการโฟกัสเป้าไปยังการทำงานของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ที่ทำงานแล้วเกิดปัญหาอย่างชัดเจน จากที่การประชุมไม่ค่อยมีการถกเถียงหรือไม่ความคิดเห็นแย้ง ในกำหนดนโยบายแม้แต่ครั้งเดียว
"แต่ครั้งนี้ อย่างน้อย 3 กระทรวง ที่แบ่งเป็น 2 รองนายก กับ 1 รัฐมนตรี มีการพูดคุยซักถามและโยนคำถามอย่างดุเดือดใส่กัน จากการทำงานที่ไม่สอดประสานกัน"
รายงานข่าว ระบุอีกว่า และเมื่อรัฐมนตรี พูดคุย ซักถามกันเสร็จสิ้น จากนั้นก่อนจะเริ่มต้นวาระ นายกรัฐมนตรี ได้นำคลิปวิดีโอที่ “WHO หรือ องค์การอนามัยโลก” ที่เป็นการเตือนตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ สลับคุณสมบัติกัน มาให้ครม.ได้รับชมไปพร้อมกัน
และเมื่อคลิปดังกล่าวจบลง พลเอกประยุทธ์ เอ่ยกล่าวสัมทับว่า “ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาในเรื่องนี้ ให้ดี เพราะการสลับฉีดวัคซีนให้กับประชาชนคนไทย โดยที่ยังไม่มีผลการศึกษารองรับ และการมี WHO มาตั้งข้อสังเกตแบบนี้ ผมว่าเป็นเรื่องใหญ่
“ผมขอให้นำเรื่องนี้มาพิจารณาให้รอบคอบ ผมไม่อยากจะเป็นผู้สั่งการด้วยตัวเองนะครับ เพราะมีผู้ที่เกี่ยวข้องรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร และต้องตัดสินใจอย่างไร และเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องของหมอที่แต่ละท่านที่ยังมีความเห็นต่างกัน ผมไม่อยากไปทะเลาะกับคุณหมอ ที่ท่านทุ่มเทสรรพกำลังมาช่วยแก้ปัญหาวิกฤติโควิดที่เราเผชิญอยู่ ขอให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่จะมาสับเปลี่ยนกันง่ายๆ” รายงานข่าว อ้างคำพูดของนายกรัฐมนตรี
จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ชี้แจงว่า แนวทางที่เราจะปรับการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ เป็นการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุข โดยศึกษาตัวอย่างในประเทศไทยมาแล้ว ว่ามีผลดี สามารถป้องกันการระบาดของวัคซีนกลายพันธุ์ มากกว่ายี่ห้อเดียวกัน 2 เข็ม
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำกลับไปว่า เรื่องนี้ต้องศึกษาให้ชัด เพราะจะเกี่ยวข้องกับการนำเข้าวัคซีนของเราด้วย จึงขอฝากไปศึกษา โดยคำนึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
จากนั้นมี รัฐมนตรีบางคน ตั้งข้อสังเกตประเด็นนี้เพิ่มเติมว่า ถ้าเราทำตามข้อเสนอฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อแล้ว ถ้ามีการเสียชีวิตของประชาชนเกิดขึ้น โดยที่ไม่ฟัง WHO มีคำเตือน อย่าลืมว่า รัฐบาลต้องรับผิดชอบนะ การทำอะไรต้องคำนึงให้รอบคอบด้วย
รายงานข่าว ระบุอีกว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมี “คำสั่งลับ” ให้ตำรวจมีการตรวจสอบว่าข่าวการประชุมครม.หลุดออกไปได้อย่างไร ให้ไปตรวจสอบทางลับว่าทำไมข้อมูลหลุดออกไป ใครนำข้อมูลออกไป