ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดเผยว่า NIA ได้ร่วมมือกับ 3 พันธมิตร ได้แก่ กรมพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ดำเนินโครงการสร้างตลาดรูปแบบใหม่จากสตาร์ทอัพด้านการเกษตรสำหรับกลุ่ม OTOP เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น หรือ AgTech4OTOP โดยดึงองค์ความรู้ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาและยกระดับการเกษตรกรไทย มาสร้างเป็นหลักสูตรออนไลน์ให้เกษตรกร ชุมชน หรือผู้สนใจ เข้ามาเรียนรู้และสามารถนำความรู้ไปต่อยอดกับการทำเกษตรในแบบของตนเองได้ เพื่อช่วยเตรียมพร้อมในการปรับตัวรับแนวทางเกษตรวิถีใหม่ที่เข้าไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย...คลิ๊กได้ที่ https://agtech4otop.nia.or.th/
หลักสูตรออนไลน์ “AgTech4OTOP แพลตฟอร์มตลาดเพื่อเกษตรกร” ประกอบไปด้วย 6 กลุ่มการเรียนรู้ เริ่มจากกลุ่มที่ 1 “แนะนำโครงการ AgTech4OTOP” พร้อมบทบาทของ 3 พันธมิตรที่จะช่วยสร้างโอกาสให้กับเกษตรกร กลุ่มOTOP และสตาร์ทอัพสายเกษตร พร้อมเป็นประตูเชื่อมสู่โลกใหม่ ตลาดใหม่ และที่สำคัญได้หุ้นส่วนทางธุรกิจที่ดีที่จะจับมือเติบโตไปด้วยกัน
กลุ่มที่ 2 การเรียนรู้ “เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นและสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” เพื่อให้เห็นแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร และวิธีการขึ้นทะเบียนเพื่อคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย หรือ Geographical Indications, GI โดยรับเกียรติจากคุณปัจฉิมา ธนสันติ อดีตอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ผู้ปลุกปั้นกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ต่อด้วย
กลุ่มที่ 3 ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญของการผลิตสินค้าเกษตรคือ “มาตรฐานสินค้าเกษตร” โดยคุณนลินทิพย์ เพณี ผู้อำนวยการกองส่งเสริมมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ จะมาให้ความรู้และข้อแนะนำในการจะทำอย่างไรให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด เกิดการยอมรับทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ
กลุ่มที่ 4 “นวัตกรรมการเกษตร” จะเห็นได้ว่าปัจจุบันการผลิตสินค้าเกษตรเจอความท้าทายจากหลากหลายปัจจัยทั้งสภาพดิน ฟ้า อากาศ รวมถึงการบริหารจัดการผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยว การขนส่ง ทำให้ “นวัตกรรม” มีความจำเป็นต่อการนำมาประยุกต์ใช้ในการเกษตรเพิ่มขึ้น
ในกลุ่มนี้จะมี 3 สตาร์ทอัพไทย ร่วมแก้ปัญหาทางการเกษตร ได้แก่ 1) ฟาร์มเอไอ: ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการฟาร์ม โดย ดร. รัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์ ผู้ก่อตั้งลิสเซินฟิลด์2) เทวดาคอร์ป : ระบบการปลูกข้าวแม่นยำสูงแบบครบวงจร ด้วยการใช้โดรนไฮบริดด้านเกษตรแม่นยำสูงแบบครบวงจร ร่วมกับการบริหารจัดการ สามารถเพิ่มผลผลิตข้าวได้ 2 เท่า โดย ธีรพงษ์ กาญจนกันติกุล ผู้ก่อตั้งเทวดาคอร์ปและ 3) แอคคูรา: ระบบบริหารจัดการน้ำตามความต้องการของพืช โดยใช้เทคโนโลยีด้านเซ็นเซอร์ในการเกษตร เพื่อเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิต อีกทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนด้วย โดย ปิยามร กันตะสิริพิทักษ์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแอคคูรา
กลุ่มการเรียนรู้ที่ 5 “การบริหารจัดการขนส่งสินค้าเกษตร” โดย ดร. ดนัย คาคัสซี รองประธานบริหาร บริษัท อินเตอร์เอ็กเพรส โลจิสติกส์ จำกัด จะเล่าถึงกระบวนการเกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าเกษตร และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสินค้าของตนเอง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าคุณภาพ ปลอดภัย และมีความสดใหม่
นอกจากนี้ จุฑารัตน์ พัฒนาทร ผู้อำนวยการฝ่ายประกันคุณภาพ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ที่มาเล่าประสบการณ์ของการบริหารจัดการและการประกันคุณภาพของสินค้าเกษตร
สำหรับกลุ่มการเรียนรู้กลุ่มที่ 6 จะแนะนำ 10 สตาร์ทอัพด้านการเกษตรที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นเข้ามาช่วยเพิ่มช่องทางตลาดให้เกษตรกร ที่ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางการตลาดเท่านั้น แต่ยังเข้าไปร่วมการพัฒนาสินค้าและสร้างแบรนด์สินค้าของเกษตรกรให้เป็นที่จดจำ เพียงคลิ๊ก https://agtech4otop.nia.or.th/clip_cate/introduce-10startup/