ในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า มูลค่าตลาดใหญ่โตมากถึง 3.2 หมื่นล้านบาท และเป็นตลาดที่เติบโตเงียบๆ ทุกปีเฉลี่ย 5 ปี แม้สภาพ และด้วยเหตุนี้ จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ “คุณเจฟ - รัชกร เจนพัฒนพงศ์” ตัดสินใจเข้ามารับตำแหน่ง General Manager ของ MarsThailand Inc. บริษัทข้ามชาติที่มีแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำหลากหลายแบรนด์ อาทิ อาหารสุนัขเพดดิกรี ซีซาร์ โรยัลคานิน อาหารแมววิสกัส ชีบา ขนมแมวเทมเทชันส์ เป็นต้น
“คุณเจฟ” ขึ้นแท่นผู้บริหารคนใหม่ของ MarsThailand Inc. ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงกำลังเติบโตที่สุด แต่ภารกิจของผู้บริหารคนนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่การทำยอดขายของกลุ่มสินค้าสัตว์เลี้ยง หรือ มาร์ส เพ็ทแคร์เท่านั้น หากแต่ยังต้องทำหน้าที่สร้างแบรนด์ และองค์กรให้เป็นที่ยอมรับและรู้จักของคนไทยมากขึ้น ซึ่งหากดูจากประสบการณ์ ที่ครํ่าหวอดอยู่ในธุรกิจคอนซูเมอร์ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการจัดการ การขาย การตลาดและการตลาดพาณิชย์ ที่เคยร่วมงานกับบริษัทข้ามชาติต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและแถบอินโดจีน อาทิ ดาร์ลี่ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป บริษัท SC Johnson และ P&G Trading ประเทศไทย
ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ราว 7-8 เดือน ในขณะนี้แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของมาร์ส เข้ามาทำตลาดในไทยแล้วกว่า 20 ปี และด้วยแบรนด์ซึ่งเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เพดดิกรี ซีซาร์ วิสกัส และอื่นๆ จึงทำให้ผู้บริหาร “คุณเจฟ” ค่อนข้างมั่นใจว่า จะสามารถสร้างการรับรู้และเพิ่มยอดขายได้ไม่ยาก ซึ่งที่ผ่านมา มาร์ส สามารถสร้างยอดขายเติบโตได้เฉลี่ย 9% ซึ่งเป็นตัวเลขการเติบโตที่สูงกว่าตลาด
“คุณเจฟ” เล่าว่า ปัจจุบัน ธุรกิจของ มาร์ส ทั่วโลกมี 4 กลุ่ม ได้แก่ มาร์ส เพ็ทแคร์-ธุรกิจเกี่ยวอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ถึง 2 แห่ง คือ ที่ปากช่อง และอีกหนึ่งโรงงานใหม่ที่นิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี, มาร์ส ริกลี่ย์ ธุรกิจขนม เช่น ขนม Mars และช็อคโกแล็ท M&M ที่คนไทยรู้จักกันดี ส่วนอีก 2 ธุรกิจ คือ Mars Food – ธุรกิจอาหาร และ Mars Edge – ธุรกิจโภชนศาสตร์ ไม่ได้เข้ามาทำธุรกิจในไทย
“ความท้าทายในการทำธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง คือ เราอยากให้ความรู้ความเข้าใจกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น เพราะคนไทยจำนวนมาก ยังให้อาหารสัตว์ด้วยการแบ่งปันมื้ออาหารของคนให้กับสัตว์เลี้ยง ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่ถูกหลักโภชนาการของสัตว์ เพราะสารอาหารที่เขาต้องการไม่เหมือนคน”
เพราะฉะนั้น หากสามารถสร้างความเข้าใจ และให้ความรู้ที่ถูกต้อง ก็ต้องใช้เวลาอีกมาก กว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยได้ แต่หากเปลี่ยนได้ นั่นคือ โอกาสทางการตลาดมหาศาล ดังนั้น กลยุทธ์สำคัญที่ “คุณเจฟ” พยายามขับเคลื่อนเวลานี้ คือ การให้ความรู้ สร้างความเข้าใจกับเจ้าของสัตว์เลี้ยง ถึงข้อดีของอาหารสำเร็จรูปของสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างไร ดีอย่างไร หลังจากนั้น ก็นำเสนอนวัตกรรม ที่เน้นเรื่องของเฮลท์แอนด์เวลเนสสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะมีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ทั้งอาหารและขนมของสัตว์เลี้ยงออกมาอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า เจ้าของสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงพนักงานขององค์กร และอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ คือ เรื่องของความยั่งยืน ทั้งในมุมของธุรกิจและสังคม ซึ่งล่าสุด ได้จัดโครงการ Better Cities For Pets เพื่อสร้าง Better World For Pets ตามเป้าหมายขององค์กร ซึ่งขณะนี้กำลังประสานงานทั้งในส่วนของ ผู้เลี้ยง หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และสถานที่พักพิงของสุนัขและแมวจรจัด โดยเป้าหมายของโครงการนี้ คือ การสร้างคุณภาพชีวิตและสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะส่งผลต่อเจ้าของและสังคมที่จะปรับตัวดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายการสร้างความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อลดจำนวนสัตว์จรจัดลง และต้องการเพิ่มพื้นที่เพ็ทเฟรนลี้ให้กับเจ้าของและสัตว์เลี้ยงใช้เวลาร่วมกันได้มากขึ้น เช่น สวนสาธารณะ สถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า โดยทำให้มีข้อจำกัดน้อยลงในการนำสัตว์เลี้ยงเข้าไป
จาก Passion ที่ผู้บริหารคนนี้ มองเห็นโอกาสของสินค้า ที่เห็นคนรอบข้างเลี้ยงสัตว์เยอะขึ้น และสินค้าก็เป็นสินค้าที่ให้ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการกับสัตว์เลี้ยง ทำให้ทั้งสัตว์เลี้ยงและคนเลี้ยงมีความสุข ซึ่งนั่นก็คือ ความสุขของผู้ขายอย่าง “คุณเจฟ” ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ภารกิจที่จะทำให้แบรนด์สินค้าและองค์กร เป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่นกับคนไทยในระยะยาวต่อไป ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับผู้บริหารคนนี้
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 24 ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,660 วันที่ 11 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2564