ไปรษณีย์ไทย พลิกเกมสู้ ชูคอนเซ็ปต์ ปณท ยืนหนึ่ง
ดีกรีการแข่งขันธุรกิจโลจิสติกส์เข้มข้นและรุนแรง ที่บอกว่ารุนแรง เป็นเพราะบรรดากลุ่มทุนข้ามชาติ ไล่เลียงตั้้งแต่ อาลีบาบา ให้บริการภายใต้ชื่อ “เบสท์ เอ็กซ์เพรส”, SCG EXPRESS กลุ่มทุนไทยร่วมกับเอสซีจี ยามาโตะ เอ็กซ์เพรส จากประเทศญี่ปุ่น , “เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” กลุ่มทุนฮ่องกง เป็นต้น
จากเดิมที่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท ผูกขาดธุรกิจ 100% แต่ปัจจุบันถูกกลุ่มทุนข้ามชาติและรายย่อย เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาด
แม้จะมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในการส่งสินค้าอี-คอมเมิร์ซโดยมีสัดส่วน 54% แต่ในเมื่อมีคู่แข่งเข้ามาหายใจรดต้นคอ ปณท ต้องพลิกเกมสู้
อย่างไรก็ตาม “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ ปณท ติดตามอ่านได้จากบรรทัดถัดจากนี้
สมร เทิดธรรมพิบูล
นโยบายปีนี้
ปีนี้จะเป็นปีแห่งคุณภาพ มุ่งเน้นการทำงาน และการให้บริการที่ดีที่สุด เพราะไปรษณีย์ไทยเป็นที่ 1 อยู่แล้ว ดังนั้นในปีนี้จึงได้วางคอนเซ็ปต์ “ไปรษณีย์ไทยยืนหนึ่ง” หรือ “THP FIRST” ด้วยการเน้นเรื่องของคุณภาพ บริการ และความรวดเร็ว
ความรวดเร็วคือ
ถ้าลูกค้าส่ง EMS ตอนเช้า จะถึงปลายทางตอนเย็น และ ถ้าส่งตอนเย็นจะถึง ปลายทางในช่วงเช้า นอกจากนี้ยังมีการเปิดศูนย์คัดแยกสินค้า E-Commerce โดยเฉพาะ เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตั้งศูนย์ประสานงานประจำที่ทำการไปรษณีย์ (Customer Engagement Center) เพื่อดูแลบริการหลังการขาย ให้สามารถติดตามตรวจสอบสิ่งของ และเรื่องร้องเรียนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาบุกตลาด
อย่างที่เคยบอกตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ อย่าไปกลัว ต้องยึดมั่นและพัฒนาเพื่อรับมือการแข่งขัน เพราะตลาดอี-คอมเมิร์ซตอนนี้เปิดเสรี เมื่อดูมูลค่าตลาดในปี 2561 ที่ผ่านมามีสูงถึง 3.2 ล้านล้านบาท คู่แข่งก็อยากเข้ามามีส่วนร่วม แต่จุดแข็งของไปรษณีย์ไทย คือ มีที่ทำการไปรษณีย์ 1,300 แห่ง แบ่งเป็นศูนย์ไปรษณีย์ 19 แห่ง, ศูนย์รับฝากไปรษณีย์จำนวนมาก 6 แห่ง, ที่ทำการรับ-จ่าย 965 แห่ง, ที่ทำการรับฝาก 228 แห่ง, ที่ทำการไปรษณีย์สาขา 5 แห่ง, ที่ทำการไปรษณีย์รถยนต์ 53 แห่ง และยังมีที่ทำการไปรษณีย์อนุญาต จำนวน 3,383 แห่ง
ขณะเดียวกันจะมีการขยายจุดบริการฝากส่งสิ่งของในที่อื่นๆ นอกจากที่ทำการไปรษณีย์ เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้บริการได้มากขึ้น ทั้งที่เป็นจุดส่งด่วน “EMS Point” กระจายอยู่ตามแหล่งชุมชนต่างๆ ทุกจังหวัด ซึ่งขณะนี้ มีมากกว่า 1,700 แห่ง ไม่นับรวมจุดส่งด่วนที่ร่วมมือกับพันธมิตรค้าปลีกชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น Big C Supercenter และ Lotus Express โดยมีเป้าหมายจะขยายให้ได้มากถึง 1,500 สาขา ภายในปีนี้ รวมเป็นกว่า 3,200 แห่งทั่วประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้รับให้สามารถเลือกช่องทางรับสิ่งของตามความสะดวกได้มากขึ้น เช่น บริการนำจ่ายตามวันเวลาที่นัดหมาย (Flexible Delivery) หรือรอจ่าย ณ ตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ (iBox) ตลอด 24 ชม. เป็นต้น
ปีนี้ตั้งเป้ารายได้เท่าไหร่
รายได้ของ ปณท เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีกฎระเบียบในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ แต่รายได้เพิ่มขึ้น และมีกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ 3 หมื่นล้านบาท และกำไรประมาณ 4,000 ล้านบาท
สัมภาษณ์ โดย ไอที
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3453 ระหว่างวันที่ 17 - 20 มีนาคม 2562
